มหาดไทยจับมือทหารบกเสริมสร้างประสิทธิภาพ อส.ชายแดนใต้

มท.1 และ ผบ.ทบ. เป็นประธานในพิธี MOU ปกครองและ กอ.รมน. ร่วมมือเสริมสร้างประสิทธิภาพ อส.จชต. ให้เป็นกำลังหลักดูแลความสงบจังหวัดชายแดนภาคใต้

น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ (27 ก.ย. 67) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารรื่นฤดี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และพลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) การเสริมสร้างประสิทธิภาพสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อส.จชต.) ระหว่างกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กับ กอ.รมน. เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการ โดยเฉพาะทรัพยากรบุคคลและยุทโรปกรณ์สำคัญ สำหรับการเสริมสร้างขีดความสามารถ อส.จชต. ในทุกมิติ ให้เป็นกลไกหลักสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดสันติสุขอย่างยั่งยืน ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมโดยเร็ว

โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง และพลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ เลขาธิการ กอ.รมน. เป็นผู้ลงนาม และมีนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการฝ่ายความมั่นคง ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีฯ

นายอนุทิน กล่าวว่า ความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ อส.จชต. ครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งการริเริ่มที่มีความสำคัญต่อการสร้างสันติสุขในพื้นที่ ตามแผนการเสริมสร้างประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครประจำพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนให้เป็นกลไกและกำลังหลักที่จะเข้ารับผิดชอบภารกิจเชิงรับแทนกำลังทหารหลัก ในการร่วมดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

“กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และ กอ.รมน. โดยกองอำนวยการรักษาความมันคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยร่วมปฏิบัติและขับเคลื่อนในพื้นที่ จึงได้สร้างความร่วมมือพัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับภารกิจของสมาชิก อส.จชต. เช่น การพัฒนาศักยภาพและประสิทธิภาพกำลังพล การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในการรักษาความสงบเรียบร้อยกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ จะช่วยบูรณาการและผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ผมขอให้บันทึกความร่วมมือครั้งนี้เป็นหมุดหมายที่จะนำสู่ความสำเร็จในการดูแลความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยึดถือประโยชน์ของประชาชน นำความสันติสุขสู่พื้นที่ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน” นายอนุทิน กล่าว