“ณัฏฐ์ชนน” หนุน พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 กังวลงบกลางค่อนข้างสูง ขอปรับลด 5 % ถามรัฐบาลชุดใหม่จะทำโครงการเงินดิจิทัลอย่างไร เหตุยังไม่มีความชัดเจน พร้อมเสนอแยกงบค่าใช้จ่ายบุคลากรออกจากงบกลาง
วันที่ 3 กันยายน 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระ 2 นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา เขต 7 พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในมาตรา 6 ว่า งบประมาณรายจ่ายงบกลาง จํานวน 805,745 ล้านบาท ขอปรับลดไว้ 5 % ว่า จากงบประมาณรายจ่ายประจําปีที่ตั้งไว้ 3,752,700 ล้านบาท ถือว่าเป็นงบประมาณค่อนข้างสูง คือ 1 ใน 5 โดยหลักของงบกลางขอยกตัวอย่าง 4 ข้อ 1. งบรายจ่ายที่ตั้งมาสํารองไว้ก่อน 2. ไม่ระบุหน่วยงานรับงบประมาณเฉพาะเจาะจง 3. ไม่ระบุในรายละเอียด 4.ไม่มีแผนการใช้จ่ายที่ชัดเจนซึ่งรัฐสภาโดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่อนุมัติกรอบวงเงินงบกลาง เพราะฉะนั้นสภาแห่งนี้จะไม่ทราบรายละเอียดเลย แต่จะทราบเมื่อนํางบกลางไปใช้ ซึ่งงบประมาณปี 2568 งบกลางค่อนข้างสูง แต่เป็นรายจ่ายด้านบุคลากรงบประมาณทั้งหมด 800,000 เพราะฉะนั้นงบกลาง 800,000 งบบุคคลากรเงินเดือนทั้งหมด 800,000 ใกล้เคียงกัน
เพราะฉะนั้นรัฐบาลตั้งงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 152,700 ล้านบาท หรือเรียกว่าเงินดิจิทัลหรือว่าเงิน 10,000 บาท รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้แถลงนโยบายกับสภาแห่งนี้ และได้จัดทํางบประมาณปี 2568 ซึ่งเป็นงบประมาณฉบับนี้ แต่ความโชคร้าย พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 กําลังจะผ่านวาระ2 วาระ 3 มีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จึงอยากจะถามว่ารัฐบาลชุดใหม่จะดําเนินการกับงบกลางในส่วนดิจิทัลอย่างไร เพราะเป็นสิ่งที่สมาชิกรัฐสภาสงสัย เพราะยังไม่มีความชัดเจนในการดําเนินการจากรัฐบาลใหม่ เพราะยังไม่มีครม. และงบประมาณจะผ่านสภาภายในวันที่ 5 ก.ย. นี้ แต่คณะรัฐมนตรียังไม่มีมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่สรุปการอนุมัติเงินดิจิทัลจากงบกลางอนุมัติไปก่อนและตั้งผู้จัดการก็คือนายกรัฐมนตรี ตั้งกรรมการบริษัทคือคณะรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นจะตามมาทีหลังนี่คือความเสี่ยงทางนโยบาย
นายณัฏฐ์ชนน กล่าวอีกว่า ในฐานะฝ่ายรัฐบาลยกมือสนับสนุนให้แน่นอน แต่สิ่งที่ถามคือข้อสงสัยของคนไทยที่รอเงิน 10,000 บาท ตนเป็นผู้แทนมาเกือบ 5 ปี ทุกครั้งที่มีการอภิปรายบอกงบกลางคืองบตีเช็คเปล่า แต่จะให้เห็นว่างบกลางปี 2568 จำนวน 805,745 ล้านบาท ทํานโยบายดิจิทัลประมาณ 152,700 ล้านบาท แต่ในงบกลางลงในรายละเอียด 12 รายการ ไม่ว่าจะเป็นเงินทดลองจ่ายผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน, ค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการลูกจ้างและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ,เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ, เงินช่วยเหลือข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ, เงินเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ, การเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ, เงินสมทบของลูกจ้างประจำ, เงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น
นี่คืองบที่นายกรัฐมนตรีสามารถดําเนินการได้ สรุปนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล งบกลางทั้งหมด 805,745 ล้านบาท นายกฯ ได้ใช้ 90,000 กว่าล้านบาท ให้ประชาชน 152,700 ล้านบาทคือเงินดิจิทัล ส่วน 6 รายการที่กล่าวมา เป็นงบเกี่ยวกับข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานของรัฐ จากทั้งหมด 12 รายการในงบกลาง 549,445 ล้านบาท ขอเสนอว่า สวัสดิการของข้าราชการลูกจ้างพนักงานของรัฐให้เอาออกไปจากงบกลาง ไม่ต้องมาตบตาให้เพื่อนสมาชิกได้ด่ารัฐบาล ซึ่งเป็นรายจ่ายประจําที่สามารถคํานวณได้แน่นอน หรือจะหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย พ.ร.บ.วิธีงบประมาณ พศ. 2561 ขอฝากว่างบบุคลากรไม่ใช่ 800,000 ล้าบาท แต่งบบุคลากรเงินเดือนทั้งหมดเป็นเงิน 1,349,445 ล้านบาท.