ททท. ลงนาม LOI กับ TUNIO แพลตฟอร์มครบวงจร เจาะกลุ่มนทท.คุณภาพจีน

6

ผู้ว่าฯ ททท. ร่วมลงนาม LOI กับ TUNIU แพลตฟอร์มท่องเที่ยวครบวงจร เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพในตลาดจีน ยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวไทย พร้อมเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง

วันที่ 30 ส.ค. 2567 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ Mr. Donald Yu ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท NANJING TUNIU INTERNATIONAL TRAVEL SERVICE หรือ TUNIU ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มท่องเที่ยวอย่างครบวงจรและได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดจีน ร่วมลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) พันธมิตรทางธุรกิจ มุ่งยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีนระดับคุณภาพ พร้อมเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกด้านความปลอดภัย โดยมี Mrs. Chang Yumeng ที่ปรึกษาแผนกวัฒนธรรมประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทยร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม ณ อาคาร ททท. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ความร่วมมือกับ TUNIU ในวันนี้ จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากตลาดจีน ตลอดจนยกระดับประสบการณ์ทางการท่องเที่ยว เพื่อตอกย้ำให้นักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางท่องเที่ยว โดย ททท. จะร่วมกับ TUNIU ในการส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงลึกในด้านการบริโภคและพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนร่วมกันทำกิจกรรมส่งเสริมตลาดให้เข้าถึงกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวจีนทุกระดับ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวได้ตรงตามความต้องการ พร้อมทั้งชูจุดขายของประเทศไทยทั้งในเรื่องความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย อันจะนำไปสู่การเพิ่มทั้งการใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยMr. Donald Yu ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TUNIU กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนที่ต่างประทับใจในความสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม และน้ำใจไมตรีของคนไทย โดย TUNIU มุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพแก่นักท่องเที่ยวจีน ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวจีนกว่า 1.48 ล้านคนได้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ผ่านการใช้บริการของ TUNIU และในช่วงปี 2567 ตั้งแต่เดือนมกราคม – กรกฎาคม ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ที่เดินทางมาประเทศไทยผ่าน TUNIU เพิ่มขึ้นร้อยละ 161 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จากผลของมาตรการยกเว้นวีซ่าระหว่างสองประเทศ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือกันระหว่าง ททท. และ TUNIU เชื่อมั่นว่านักท่องเที่ยวจีนจะได้รับรู้และเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
บริษัท NANJING TUNIU INTERNATIONAL TRAVEL SERVICE หรือ TUNIU บริษัทท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนชั้นนำของจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2549 เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีสินค้าและบริการที่ครอบคลุม ทั้ง ทัวร์กรุ๊ป กรุ๊ปส่วนตัว แบบ FIT และแบบ Incentive บัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว บัตรโดยสารเครื่องบินและรถไฟ การจองโรงแรมที่พัก การเช่ายานพาหนะ รวมทั้งการให้บริการด้านวีซ่า และบริการบัตเลอร์ส่วนตัว เพื่อรับประกันประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง ผ่านช่องทางเว็บไซต์ tuniu.com และแพลตฟอร์มบนโทรศัพท์มือถือ โดยมีสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวครอบคลุมกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และมีผู้ใช้บริการต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 25 ล้านราย ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ททท. ได้ร่วมกับ TUNIU จัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดกลุ่ม Health & Wellness เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับ High-end พร้อมชวน KOL สร้างกระแสในกลุ่มสตรีและครอบครัวโปรโมทผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ Xiaohongshu Wechat TikTok Weibo Tuniu QQ เพื่อสร้างการรับรู้ในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2567 และจัดทำโครงการ Summer Camp & Family Tour เผยแพร่คอนเทนต์ Study Tour ผ่าน KOC และ KOL ในช่องทาง TikTok พร้อมจัดกิจกรรมอบรมร่วมกับศูนย์การศึกษาต่าง ๆ ในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2567 นอกจากนี้ ททท. ยังร่วมกับ TUNIU กระตุ้นการขายแพ็คเกจทัวร์ในช่องทางต่าง ๆ ของ TUNIU และพันธมิตร พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่าน KOC ในช่องทาง Xiaohongshu ซึ่งคาดว่าจะสร้างการรับรู้รวมกว่า 42 ล้านคน-ครั้ง และจำหน่ายแพ็กเกจได้ 10,000 แพ็กเกจ
ททท. เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือกับ TUNIU ในครั้งนี้จะตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทย เพิ่มช่องทางในการส่งเสริมการขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพของประเทศไทยสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนยกระดับคุณภาพการให้บริการและอำนวยความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลมากขึ้น