ปชป.มีมติเอกฉันท์ เข้าร่วมรบ. ตามคาด ขณะมีป้ายโผล่ “สนองตัณหาคนบางคน”

76

“ปชป.” มีมติ เข้าร่วมรัฐบาล ตามคาด “เดชอิศม์” มั่นใจ ปชป.ไปต่อได้ “ชวน” ย้ำคำเดิม! ต้องไม่ทรยศประชาชน รับสภาพไร้ผลเปลี่ยนแปลงมติ ปชป. จุรินทร์​ ประกาศชัดไม่เอา ระบอบทักษิณ ลั่น ต้องมีศักดิ์ศรี
วันที่ 29 ส.ค.2567 ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส. เพื่อขอมติว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีกรรมการบริหารและ สส. ทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุม และยังพบแฟนคลับที่มารอมอบดอกไม้ให้กำลังใจ กรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันด้วย

ทั้งนี้ ได้มีป้ายปริศนาถูกนำมาวางไว้หน้าอาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ซึ่งเป็นอาคารที่ใช้ประชุม กก.บห.โดยมีข้อความว่า “เพียงเพื่อสนองตัณหาของคนสองสามคน เราจะยอมคบคนชั่วเป็นมิตรโดยไม่รู้จักแยกดีแยกชั่วเลยหรือ”เมื่อเวลา 17.00 น. ก่อนการประชุม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะพูดคุยและถามกรรมการบริหารพรรค ส่วนจะส่งผลอย่างไรหากเข้าร่วมรัฐบาลในพื้นที่ภาคใต้ ตนเองได้ตอบไปเมื่อวานแล้ว คงจะมีผลไม่มากก็น้อย ขอให้ไปถามกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามถึงความคาดหวังผลการลงมติของที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน กล่าวว่า ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร ส่วนตัวแสดงเหตุผลไว้ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ไม่ใช่ข้อขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะตนเองเคยรณรงค์ให้ประชาชนภาคใต้ไม่เลือกพรรคไทยรักไทย ด้วยเหตุผลว่าพรรคนั้นเป็นรัฐบาลเฉพาะจังหวัดที่เลือก และเคยประกาศตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยก่อนมาเป็นพรรคเพื่อไทยว่า จะเป็นรัฐบาลเฉพาะจังหวัดที่เลือก ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ทำให้ภาคใต้เสียโอกาส เพราะคนใต้ไม่เลือกพรรคไทยรักไทย“ตอนมาเป็นพรรคเพื่อไทย 3 ครั้ง ชาวบ้านไม่เลือกเลย ดังนั้นการที่ตนเองบอกไม่ให้เลือกแต่กลับมาร่วมกับคนที่ไม่ให้เลือก ถือเป็นการทรยศชาวบ้าน อย่างน้อยตนเองก็ได้รักษาสิ่งที่ได้พูดไว้กับชาวบ้าน เมื่อเลือกปฏิบัติกับเรา เราก็จะไม่เลือกเขา ย้ำว่าไม่มีเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว อย่างไรก็ตามพื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ทำรายได้ให้กับประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งรายได้ท่องเที่ยวและรายได้ภาษี จึงไม่สมควรเลือกปฏิบัติกับเขา” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวด้วยว่าตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 สมัย ไม่เคยเลือกปฏิบัติกับจังหวัดใด ให้การพัฒนาเหมือนกับจังหวัดที่เลือกเรา ตนเองได้ทำหนังสือไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เรียกร้องให้ชดเชยความเสียหายกรณีถูกเลือกปฏิบัติ เนื่องจากภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้ได้รับการแก้ไขในหลายพื้นที่ เช่น อำเภอทุ่งสง เป็นการปกป้องประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนเองจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่บอกประชาชนว่าอย่าเลือกพรรคนี้ “นักการเมืองพูดแล้วต้องรับผิดชอบ ถ้าเรามาวันหนึ่งเรามากลับลำเหมือนเป็นการทรยศประชาชน” นายชวน กล่าว

ขณะที่ นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมด้วยว่า ขอให้รอผลการประชุมว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ตอนนี้ยังไม่ทราบมติ ส่วนกรณีที่พบว่ามีสมาชิกพรรคลาออก เช่น นายศุภโชค โสภา อดีต สส.สงขลา ตนเข้าใจว่าลาออกไปหลายเดือนแล้ว

“70 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ต้องกล้าคิดเปลี่ยนแปลง พรรคเพื่อไทยตั้งมา 26 ปี เลือกตั้งเราไม่เคยชนะเลยต้องยอมรับ คะแนนเราลดลงมาเรื่อย ๆ เมื่อเขาเลือกตนเองมาเป็นกรรมการบริหารพรรค สิ่งไหนที่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น สิ่งไหนที่ทำให้ได้ สส.ดีขึ้นก็ต้องทำ” นายเดชอิศม์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวจึงถามถึงความมั่นใจการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ สส.เพิ่มขึ้น นายเดชอิศม์ กล่าวอย่างมั่นใจ เพราะ สส.ส่วนใหญ่เป็น สส.เขต ทุกคนนำเสียงประชาชนมาเล่าให้ฟัง เราต้องประเมินทุกฝ่าย 360 องศา แล้วนำเสนอในที่ประชุม

ขณะที่ นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์​ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวย้ำจุดยืนถึงการเข้าร่วมรัฐบาลว่า สำหรับตน ถ้ามีการขอมติ ก็จะไม่เห็นชอบ เพราะตนไม่เอาระบอบทักษิณ ซึ่งมันมีความชัดเจนในตัวของมันอยู่แล้วว่าเหตุผลคืออะไร ตนคงไม่อยากไปวิจารณ์มากกว่านี้ ที่สำคัญที่สุดมันไม่ใช่เรื่องอดีต 20-30 ปีที่แล้ว แต่มันคือระบอบที่ยังอยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นเหตุผลที่ตนจะพูดในที่ประชุมพรรค

เมื่อถามว่า เมื่อสักครู่เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคไม่เคยชนะพรรคเพื่อไทย จึงตัดสินใจร่วมรัฐบาลเพื่อเพิ่มคะแนนเสียง นายจุรินทร์​ กล่าวว่า แล้วแต่คนจะมอง แต่สำหรับตนคิดว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ประชาชนหวังพึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อเป็นปากเสียง ตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน ตนจะเอาไปพูดในที่ประชุมพรรคว่าเหตุผลและน้ำหนักคืออะไร

เมื่อถามว่า การร่วมรัฐบาลจะสามารถเพิ่มคะแนนเสียงให้ได้จริงๆหรือ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่อยากไปวิจารณ์ว่าเป็นอย่างไร อาจจะเป็นมุมมองที่มีความแตกต่างกัน แต่คนที่เขาห่วงใยก็มีจำนวนมากว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลเขาก็กังวล ไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน เราก็ต้องฟังไว้ทุกฝ่าย และไปชั่งน้ำหนักกันในที่ประชุม ซึ่งตนก็ขอยืนยันจุดเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอะไร

โดยในเวลา 17.30 น.ได้เริ่มประชุม กก.บห.พรรค มี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค เป็นประธานการประชุม  โดย กก.บห.มีทั้งหมด 38 คน แต่มาประชุม 35 คน โดยขาด 3 คน เนื่องจากติดภาระกิจลาประชุม คือ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองหัวหน้าพรรค , นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรค และนางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ กก.บห.

สำหรับวาระการประชุมวันนี้ มีวาระสำคัญคือ คือขอมติที่ประชุมจะจัดตั้งรัฐบาลหรือร่วมรัฐบาลหรือถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งหากมีมติร่วมรัฐบาล ก็จะขอมติที่ประชุม เพื่อคัดเลือกบุคคลที่พรรคเห็นสมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

โดยล่าสุด รายงานจากที่ประชุมแจ้งว่า มีบางส่วนมองว่าการเข้าไปเป็นรัฐบาลคุ้มหรือไม่ เพราะไม่อนาคตไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร หากรัฐบาลอยู่ไม่ยาว การเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ก็ไม่คุ้ม และเมื่อเข้าไปร่วมรัฐบาลแล้วก็ต้องทำงานเต็มที่ แต่ก็อาจจะถูกรวมไปเป็นผลงานของพรรคแกนนำรัฐบาล ในขณะที่การทำหน้าที่ฝ่ายค้านในเวลานี้ถึงจะทำหน้าที่ได้แต่ก็ไม่เต็มที่ เพราะเสนอประเด็นอะไรไปพรรคแกนนำฝ่ายค้านก็ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ หลังจากที่ กก.บห.ต่างแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง ที่ประชุมได้มีการลงมติเอกฉันท์ 34 เสียง เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล ส่วนนายเฉลิมชัย ไม่ลงคะแนนตามข้อบังคับพรรค