“เสรีพิศุทธ์” แถลงมติพรรคเสรีรวมไทย ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ชี้ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่มีสติปัญญาบริหารได้ เป็นการบริหารโดยพ่อทั้งนั้น เหน็บคราวที่แล้ว “เศรษฐา” ตั้งนักโทษเป็นรัฐมนตรี แล้วตอนนี้นักโทษตั้งนายกฯ เสียเอง ตรงนี้จะอยู่ร่วมได้อย่างไร เผย “ทักษิณ” เคยไม่บอกเอาวงษ์สุวรรณตั้งแต่ไปเยี่ยมที่ รพ.เมื่อต้นปี ฟันธงอายุ รบ.ชุดนี้อยู่ไม่ถึงปี นายกฯ อิ๊งค์เตรียมรับเรื่องร้องอื้อ พร้อมยันด้วยเอกสารไปเยี่ยมทักษิณที่โรงพยาบาล 2 ครั้ง
วันที่ 29 ส.ค.2567 เวลา 10.30 น. ที่พรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงกรณีถอนตัวออกจากการเป็นพรรครวมรัฐบาลว่า หลังจากมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยนัดหัวหน้าพรรคทุกพรรคร่วมรัฐบาลไปประชุมพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
จากนั้นก็เป็นช่วงการจัดตั้งรัฐบาลที่ชุลมุนวุ่นวายยุ่งเหยิง คนนั้นก็อยากเป็น คนนี้ก็อยากเป็น พลังประชารัฐก็อยากเป็น เขาก็เอาบ้างไม่เอาบ้าง พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยขัดแย้งกันตลอดชีวิต แต่ก็อยากจะร่วมรัฐบาลให้ได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทย โดย น.ส.แพทองธาร จะมีสติปัญญาอย่างไรในการบริหารตรงนี้ ไม่มีหรอก เป็นการบริหารโดยพ่อทั้งนั้น เพราะพ่อเป็นคนมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นอย่างดี
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่พอใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นคนปฏิวัติน้องสาว (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) คราวที่แล้วยอมให้ร่วมรัฐบาล เพื่อให้มีเสียงครบ แต่คราวนี้ตระกูลวงษ์สุวรรณไม่มีสิทธิแล้ว
“คุณทักษิณเคยพุดกับผมตอนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ตั้งแต่ตอนต้นปี ว่า ยังไงก็ไม่เอาตระกูลวงษ์สุวรรณ เพราะอะไรต่ออะไร ผมก็รู้ ผมเป็นนักเรียนนายตำรวจรุ่น 24 พัชรวาท (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) รุ่น 25 คุณทักษิณ 26 เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ รู้นิสัยใจคอกัน รู้สันดานกันหมด พวกคุณรู้ไม่เท่าผมหรอก นักวิจารณ์ทั้งหลายไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงเพียงพอเท่าผม คุณประวิตรก็ถูกจัดการซะ ประชาธิปัตย์ก็เช่นเดียวกัน”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า มาถึงตรงนี้เราได้ทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว เราต้องการทำงานให้บ้านเมือง แต่เมื่อไม่มีโอกาส ก็ทำงานในฐานะอื่นก็ได้ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมกรรมการบริหารพรรค ว่า จะอยู่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ เราคิดว่ามันเหมาะสมไหม บางทีก็สะท้อนใจ ที่เรายอมอยู่เพราะอยากทำงานให้ประชาชน
“แต่อยู่ไปๆ บางที คนที่มีความรู้ความเข้าใจปัญหาบ้านเมือง หรือประเทศชาติก็บอก คุณเศรษฐาไปตั้งนักโทษมาเป็นรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันนักโทษมาตั้งนายกรัฐมนตรีเสียเอง ตรงนี้แล้วผมจะอยู่ร่วมได้อย่างไร ผมก็ไตร่ตรองคิดแล้วคิดอีก หารือคนในพรรคร่วมกัน”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า สรุปแล้ววันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเสรีรวมไทย เห็นว่าภารกิจในการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้นำรัฐบาลได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว มีการสนับสนุน น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้พรรคมีโอกาสสามารถสร้างผลงานตลอดจนปฏิบัติงานตามอุดมการณ์ และแนวนโยบายของพรรคได้อย่างเต็มที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ถ้าเราอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป เราจะวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล เช่น ดิจิตอล วอลเล็ต ก็จะไม่ได้ เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงนโยบายอื่นๆ ตามมารยาทวิจารณ์ไม่ได้ มันก็อึดอัดทำอะไร ก็ถูกเขาเหยียบตลอดเวลา ต้องยอมเขา
ซึ่งความจริงเราต้องเตรียมการรับสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไป ในอนาคตยังไม่ได้จบแค่นี้ เรายังมีความจำเป็นเพราะบุคลากรภายในพรรคมีความรู้ความสามารถจริงๆ แต่ประชาชนไม่เห็นก็เลยไม่เลือกเรา ดังนั้น กรรมการบริหารพรรคมีมติ 7 ต่อ 4 เสียงให้ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. เป็นต้นมา จากนั้นก็ยื่นหนังสือไปถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้วผ่านทางเลขาธิการพรรค เพื่อถอนตัวมาเป็นอิสระ และคงต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เมื่อถามว่า ถอนตัวเพราะน้อยใจ เนื่องจากไม่ได้รับความสำคัญใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ถามว่าน้อยใจไหม ก็น้อยใจ จะเห็นว่า วันที่ไปประชุมที่พรรคเพื่อไทย เพื่อเสนอ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ปัญหาในตำรวจเละเทะ ไม่มีใครคิดจะแก้ไข คนในพรรคเพื่อไทย ก็มีสติปัญญาเพียงเท่านี้ คนที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี แม้กระทั่งรักษาการนายกรัฐมนตรีบอกว่างานตำรวจ นายทักษิณ จะดูแลเอง เพราะเขารู้จักตำรวจดี เขาลืมเหรอว่าตนเคยเป็น ผบ.ตร. มาก่อน นายทักษิณ จะรู้จักตำรวจ ดีกว่าตนได้อย่างไร ดังนั้น เขาไม่ให้ใครคุม ตนก็เลยบอกว่าถ้าคิดแบบนี้ก็โง่ ถึงเวลาก็แค่แต่งตั้ง ผบ.ตร.แล้วก็สะบัดตูดไป ไม่เคยคิดทำงานให้กับตำรวจเลย มีแต่แต่งตั้ง ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ผู้กำกับ เป็นคนของตัวเองแค่นั้น ไม่คิดเลยว่าทำไมประชาชนขาดศรัทธากับตำรวจ ทั้งที่ต้องมีการปฏิรูปตำรวจให้เสียสละทำงานเพื่อประชาชน
เมื่อถามว่า นายทักษิณ รับปากหรือไม่ว่าจะให้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพื่อคุมตำรวจ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า พูดกับตนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่าเป็นหนี้ตน และต้องการชดใช้ ตั้งใครก็ลืมตนทุกที เขาอาจคิดว่าตนเป็นพรรคเพียงแค่เสียงเดียว เอาตนไปเปรียบเทียบกับพรรคตั้งใหม่ที่เพิ่งเข้ามา เพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ตนต้องการทำงาน แต่เมื่อไม่ให้ทำ ก็ไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นอะไร ที่ผ่านมาตนไปหานายทักษิณ 2 ครั้ง เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วและเดือน ก.ย.ปีนี้ ที่โรงพยาบาลตำรวจ
เมื่อถามว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างมูลค่าค่าตัวใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดที่แล้วให้ตน 300 ล้านบาท พร้อมตำแหน่งรองนายกฯ ตนยังไม่ไปร่วมรัฐบาล และยอมเป็นฝ่ายค้าน ส่วนรัฐบาลชุดนี้ ตนกับนายทักษิณรู้จักกันมา 50 ปียังทำกันได้ ถามว่าแล้วจะคบต่อไปทำไม
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ชัดเจนว่า นายทักษิณ ครอบงำพรรค และเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไม่ถึงปี อายุรัฐบาลสั้นกว่ารัฐบาลเศรษฐาเสียอีก รวมถึง น.ส.แพทองธาร ก็จะมีเรื่องร้องเรียนเยอะ เพราะมีคนเตรียมร้องเรียนมากมาย แต่ส่วนพรรคเสรีรวมไทยคงไม่ดำเนินการใดๆ เพราะเห็นเป็นลูกหลาน