งานเข้า! บิ๊กป้อม สภาวิชาชีพฯ-สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ชี้ชัด คุกคามสื่อ เดินหน้ายื่นสอบผิดจริยธรรมร้ายแรง “ไอติม” ประณาม เตรียม เอาเข้ากมธ.พัฒนาการเมืองฯสอบ เอาผิดพ้นตำแหน่ง หัวหน้าพรรพปชร.
วันที่ 17 ส.ค. 67 สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง “การใช้อำนาจคุกคามสื่อมวลชนขณะปฎิบัติหน้าที่รายงานข่าว”
ระบุว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์คุกคามสื่อมวลชนในระหว่างการปฎิบัติงานสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในรายชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ภายหลังรับทราบมติการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวาระการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 67
ซึ่งองค์กรสื่อมวลชนต้นสังกัดและองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้ออกแถลงการณ์ปกป้องการทำหน้าที่ตามหลักจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน และแสดงความกังวลต่อพฤติกรรมดังกล่าวไปแล้วนั้น ซึ่งภายหลังได้รับทราบข่าวสารการดำเนินการติดต่อชี้แจงจากทีมงานหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการพูดคุยหยอกล้อกันเล่นด้วยความคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนานกันผู้สื่อข่าวสายความมั่นคงรายดังกล่าวนั้น
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ติดตามตรวจสอบด้วยความห่วงใยแล้วเห็นว่าจากคลิปภาพเหตุการณ์ยืนยันอย่างชัดแจ้งว่า เป็นการแสดงอาการโกรธเกรี้ยว ในลักษณะคุกคามผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามสัมภาษณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินกว่าปกติวิสัยของการพูดคุยหยอกล้อกันด้วยความคุ้นเคยตามที่ทีมงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวอ้าง และพยายามให้เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ยุติลง ซึ่งหากสังคมปล่อยผ่านเรื่องราวดังกล่าวไปเฉกเช่นที่เคยมี การให้สัมภาษณ์ดูแคลนสื่อมวลชนว่าจบมาจากสถาบันการศึกษาใด เพื่อส่งผลต่อการด้อยค่าการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้น
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จะดำเนินการยื่นตรวจสอบด้านจริยธรรมว่าการกระทำดังกล่าวอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและกรรมาธิการ พ.ศ.2563 อย่างน้อย 2 ข้อได้แก่ ประมวลจริยธรรมฯข้อ 12 ต้องเคารพสิทธิ เสรีภาพส่วนบุคคลของผู้อื่น ไม่แสดงกิริยา หรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ และข้อ 13 ต้องไม่แสดงอาการข่มขู่ อาฆาตมาดร้าย หรือใช้กำลังประทุษร้ายต่อบุคคลอื่น เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์ศรีของการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของปวงชนชาวไทย และเป็นการปกป้องการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนต่อไป
ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน x พร้อมคลิปเหตุการณ์ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ใช้มือตบหัวนักข่าวสาว ขณะสัมภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่สภาโอลิมปิกแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า
“ผมขอประณามการกระทำของคุณ ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้กระทำความรุนแรงต่อสื่อมวลชน นอกจากจะเป็นการทำร้ายร่างกายคนอื่นซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นโดยใครกับใครอยู่แล้ว แต่การกระทำนี้ยังเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อมวลชนซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของประชาธิปไตย เพราะเป็นการทำให้นักข่าวเกิดความกังวลต่อความปลอดภัยของตนเองหากถามคำถามแทนประชาชนที่ไม่ถูกใจนักการเมืองผู้ถูกสัมภาษณ์ ผมได้รับแจ้งว่า สส.ภคมน (น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน) จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การหารือใน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วันพฤหัสนี้ ซึ่งจะมีวาระเรื่องสื่อมวลชนเข้าสู่การพิจารณาพอดี”
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ได้โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X ถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชนหลังตั้งคำถาม กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับการโหวต จากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า “ส.ส.ที่คุกคามสื่อ เข้าข่ายผิดจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครับ สามารถยื่นเรื่องเอาจริยธรรมได้ครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัดจริยธรรมร้ายแรง จะทำให้ “บิ๊กป้อม” พ้นสภาพทางการเมือง จากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างกรณีที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด “จริยธรรมร้ายแรง” กับ “เอ๋”ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หลังถูกตั้งข้อหาบุกรุกป่าสงวนในพื้นที่ ก่อนที่ต่อมาป.ป.ช.จะมีการส่งฟ้องต่อศาลฎีกา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย กระทั่งล่าสุดศาลได้รับคำร้องของป.ป.ช.และสั่งให้ปารีณาหยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นส.ส.