‘เศรษฐา’ ไม่รอด! ศาล รธน.มีมติ 5:4 ฟันพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ปม ‘พิชิต ชื่นบาน’ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
วันที่ 14 ส.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญ และเป็นที่สนใจ เรื่องพิจารณาที่ 17/2563 กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
โดยศาลมีคำวินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 (นายเศรษฐา) ไม่มีความความซื่อสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน เป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ อาจจะกระทบกระเทือนต่อศรัทธาของประชาชน
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การที่นายเศรษฐารู้ หรือควรรู้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายพิชิตโดยตลอดแล้ว แต่ยังเสนอแต่งตั้งให้นายพิชิต เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ แสดงให้เห็นว่า นายเศรษฐา ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หมวด 1 ข้อ 8 ซึ่งข้อ 27 กำหนดให้การฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯในหมวด 1 ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง ต้องห้ามตามมาตรา 160 (5) ด้วย
อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียงวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติ 160 (4) และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ลักษณะต้องห้ามตาม 160 (5) เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯสิ้นสุดลง ตามมาตรา 170 (4) แล้ว รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ 167 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับการปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.ที่พ้นตำแหน่งต่อไป
สำหรับคดีถอดถอน นายเศรษฐา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องมาจากการปรับคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ของรัฐบาลนายเศรษฐา เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา หรือที่สื่อมวลชนเรียกกันว่า ครม.เศรษฐา 1/1 ที่มีการแต่งตั้งให้ นายพิชิต ชื่นบาน นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนนำไปสู่การรวบรวมรายชื่อของ 40 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดเดิม เพื่อส่งเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา และตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกของนายพิชิต หลังพบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) และ (5) ประเด็นที่ว่าด้วยขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เมื่อครั้ง นายพิชิต เป็นทนายความของบ้านชินวัตร เคยถูกตัดสินว่าละเมิดอำนาจศาล และศาลมีคำสั่งให้จำคุก จากกรณีถุงขนมใส่เงิน 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาล ระหว่างการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ ของศาลฎีกาคดีแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1 และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 2 ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ดังนั้นจึงถือเป็นความรับผิดชอบของนายกฯ ด้วย