กก.จี้ รบ.เคลียร์ให้ชัด ใช้งบข้ามปี ดันเงินดิจิทัลฯได้หรือไม่ เชื่อดันGDPโตไม่ถึง1%

“ศิริกัญญา ตันสกุล” มอง1ส.ค.ลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ยังไหลลื่น จี้รัฐบาล เคลียร์ให้ชัด ใช้งบข้ามปี ได้หรือไม่ ยกคำพูดปลัดคลังส่อกลับใช้มาตรา28 พร้อมฟันธง ทั้งโครงการกระตุ้นGDP โตได้ไม่ถึง1%

วันที่ 24 ก.ค.67 ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (กก.) ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลประกาศวันลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตว่า เรื่องใหม่ที่เรายังไม่เคยได้ยินมาก่อน คือ วันลงทะเบียนในวันที่1ส.ค.-15ก.ย. กรณีสมาร์ทโฟน ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่16ก.ย. นอกจากนั้นแทบไม่มีความชัดเจนอะไรเลย

ประเด็นแรก ผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากเกิดพายุหมุนดิจิทัลวอเล็ตแล้วเศรษฐกิจจะเติบโตขึ้นแค่ไหนซึ่งเรื่องนี้แม้แต่ นายเผ่าภูมิ โรจนกุล รมช.คลัง ก็ยังตอบว่าไม่สามารถประมาณการได้เพราะเป็นโครงการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้จากที่ตนได้เข้าไปสังเกตการณ์ในกมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมนั้น หน่วยงานต่างๆรวมทั้งกระทรวงการคลังได้ส่งผลที่จะเกิดขึ้นจากโครงการดังกล่าวเข้ามาแล้วโดยกระทรวงการคลังมีการปรับเป้าหมายจากเดิมระบุว่า 1.2-1.8% ของGDP เหลือเพียง 0.9% ของGDP ส่วนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าจะทำให้GDP ของปี67โตประมาณ0.3% ปี68 โตอีก0.3%

นอกจากนี้ธานาคารแห่งประเทศไทย บอกกว่า ปี67โต 0.3% ปี68 โต 0.2% รวมโครงการดังกล่าวจะโต0.9% จะเห็นว่าทั้ง3หน่วยงานเห็นตรงกันว่าจะกระตุ้นGDPไม่ถึง1%แน่นอน

ประเด็นต่อมาแหล่งที่มาของเงิน สุดท้ายมีการถามย้ำถึงการบริหารจัดการงบประมาณทั้งงบปี67และงบปี68แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังกลับไม่ได้ให้ความชัดเจนตรงนี้ ดังนั้นเห็นว่าประเด็นดังกล่าวยังมีปัญหาข้อกฎหมายโดยในการประชุมกมธ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ได้มีการถกกันในประเด็นนี้ ว่าจะเป็นเหมือนงบรายจ่ายประจำปีทั่วไปที่จะสามารถกันเงินเอาไว้เบิกเหลื่อมปีไปใช้ในปี68ได้หรือไม่

แต่ทางตัวแทนสำนักงานกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า สามารถกระทำได้เนื่องจากเกิดนิติสัมพันธ์ และผูกพันธ์สัญญา แต่ประเด็นสำคัญที่กมธ.ในส่วนของก้าวไกลพยายามซักถามคือ ประเด็นดังกล่าวเป็นสัญญาได้อย่างไรในเมื่อผูกพันธ์ในลักษณะต่างตอบแทนไม่ใช่ลักษณะสัญญาทั้ง2ฝั่ง ที่ต้องเช็นยินยอมทั้งคู่ ปรากฎว่าไม่มีหน่วยงานใดสามารถตอบได้

จึงต้องจับตาต่อว่า ที่สุดจะสามารถใช้งบข้ามปีได้หรือไม่อย่างไร ถึงที่สุดหากไม่สามารถใช้งบข้ามปีได้ ก็อาจจะต้องมีการแจกเป็นเงินสดก่อนจะมีการสิ้นสุดงบประมาณปี67ในวันที่30ก.ย.นี้ หากจะแจกพร้อมกันหมดก็อาจจะต้องพับออกไปเพราะใช้เงินก้อนนี้ไม่ได้ ก็ต้องไปหาเงินก้อนอื่นมาแทน ซึ่งวันก่อนปลัดกระทรวงคลังบอกว่าก็อาจกลับไปใช้มาตรา28ก็เป็นไปได้ ฉะนั้นเรื่องนี้จึงยังลื่นไหลไม่นิ่ง

ขณะที่เรื่องร่ายจ่ายลงทุนก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงว่าจะเป็นรายจ่ายลงทุน80%ได้อย่างไร เท่าที่เราดูน่าจะมาจากสมมุติฐานเสียส่วนใหญ่ ไม่ได้มาจากข้อเท็จจริงและผลสำรวจ คาดว่า ถึงเวลาจริงจะเป็นรายจ่ายลงทุนมากสุดแค่50%เท่านั้น ซึ่งต้องไปดูเรื่องสัดส่วนว่าที่สุดจะเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่