ดีลลับลงตัว “น้ำเงินคุมสภาสูง-แดงคุมสภาล่าง” ปมปัญหา “กัญชา” ได้ข้อสรุปแล้ว

กวาดเรียบตามโผ ประธานฯ -รองประธานวุฒิสภา การเมืองหลังจากนี้ น้ำเงินคุมสภาสูง- แดงคุมสภาล่าง ขณะที่ ปมปัญหา “กัญชา” จะกลับเข้าไปเป็น “ยาเสพติด” หรือไม่ อันเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่าง “พท-ภท.” ก็ได้ข้อสรุปเรียบร้อยเข้าทาง “เสี่ยหนู” หลังนายกฯบัญชาให้ ออก พรบ.มาควบคุม

การประชุมวุฒิสภานัดแรก เมื่อวันที่ 23 ก.ค.67 ที่ผ่านมา เพื่อให้สว.ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ แล้วเลือกตำแหน่งประธาน และรองประธานวุฒิสภา ผ่านไปเรียบร้อย

ตำแหน่งประธานสภา มีการเสนอชื่อผู้เข้าแข่งขัน 3 คนคือ “มงคล สุระสัจจะ”จากกลุ่มสว.สีน้ำเงิน สายตรงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ , “นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ” จากกลุ่มอิสระ และ “นันทนา นันทวโรภาส” จากกลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ผสมสีส้ม ผลปรากฏว่า “มงคล” ได้ 159 เสียง ชนะคู่แข่งอย่าง น.ส.นันทนา ที่ได้19 เสียง และ นพ. เปรมศักดิ์ ได้ 13 เสียง อย่างยับเยิน

ส่วนรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 มีการเสนอชื่อผู้เข้าแข่งขัน 4 คน ปรากฏว่า “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว.ส่ายสีน้ำเงิน คนสนิทของ “เสี่ยหนู” อุทิน ชาญวีรกูล ชนะคู่แข่งขาดลอยเช่นกัน ได้ไปถึง 150 เสียง

สำหรับรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ก็มีผู้เข้าแข่งขัน 4 คนเช่นกัน ปรากฏว่า “บุญส่ง น้อยโสภณ”นักกฎหมาย อดีตผู้พิพากษา อดีต กกต. ที่เคยไปเปิดตัวกับ “กลุ่มสว.อิสระ” ซึ่งต่อมาได้มีการเจรจาขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่มสีน้ำเงินเป็นผลสำเร็จ จึงชนะไปด้วยคะแนนเสียงมากถึง 167 เสียง

จะเห็นได้ว่า ผู้ที่ได้รับตำแหน่งทั้ง 3 คน ได้รับคะแนนโหวตสูงลิ่ว

ว่ากันว่านี่เป็นผลจากการผนึกกำลังของ สว.สีน้ำเงินที่เดิมมีประมาณ 140 เสียง กับ สว.สายสีแดง ที่มีความใกล้ชิด ผูกโยงกับพรรคเพื่อไทยอีกประมาณ 10 กว่าเสียง ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น

มีเสียงวิพากวิจารณ์ว่า นี่เป็นผลจาก “ดีลไม่ลับ” ที่เขาใหญ่ ที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” หอบหิ้วลูกหลาน ไปพักผ่อนที่ “แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์คันทรีคลับ” เขาใหญ่ รีสอร์ตหรู ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล โดยที่ “เสี่ยหนู” มารอต้อนรับด้วยตัวเอง

หลังอาหารค่ำในวันนั้น “ทักษิณ” ยังจับไมค์ ร้องเพลงกับ “อุ๊งอิ๊ง” โดยมี “เสี่ยหนู” เป็นลูกคู่อยู่ข้างๆ แถมเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไปออกรอบ ตีกอล์ฟด้วยกันอีก

การพบกันระหว่าง “ทักษิณ” กับ “อนุทิน” ครั้งนี้จึงมีนัยทางการเมือง ที่เกี่ยวเนื่องกับการวางตัวบุคคล และ บทบาทของ สว.ในอนาคต โดยเฉพาะการแต่งตั้งบุคลากรในองค์กรอิสระหลายแห่ง ที่มีกรรมการบางคนหมดวาระ

อย่างเช่น คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่หลายคนพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ 7 ปี ยังมีผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ลาออกจากตำแหน่ง 1 คน เมื่อ วันที่ 22 พ.ค.67 ตอนนี้ยังรอการแต่งตั้ง… คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยในวันที่ 9 ก.ย.นี้ “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” ประธานกรรมการป.ป.ช. จะพ้นจากตำแหน่ง ด้วยอายุครบ 70 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด และยังมีอีก 2 คน ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ 9 ปี ในวันที่ 30 ธ.ค.67 คือ วิทยา อาคมพิทักษ์ และ สุวณา สุวรรณจูฑะ

ขณะที่ในช่วงเดือนพ.ย.นี้ จะมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พ้นจากตำแหน่งอีก 2 คน เหตุครบวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 16 พ.ย.67 กับ นายปัญญา อุดชาชน ที่จะครบวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 26 พ.ย.67

ที่กล่าวมาล้วนตำแหน่งสำคัญทั้งนั้น

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่เป็นนโยบาย “เรือธง” ของ พรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคภูมิใจไทย สามารถเล่นแง่ได้ เพราะโครงการนี้เห็นชัดๆ ว่าสร้างหนี้มหาศาล แต่ภูมิใจไทย ก็โหวตให้ผ่านฉลุย

แล้วก็มาถึงบางอ้อว่า พร้อมคำเฉลยว่าทำไมภูมิใจไทย ทำเช่นนั้น เพราะช่วงเช้า ก่อนการประชุมครม. “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ได้เรียก สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มาจับเข่าคุยกัน พร้อมกำหนดแนวทางในการแก้ไข ปัญหากัญชา ว่า ควรออก พ.ร.บ.มาควบคุมกัญชา

นั่นคือ พรรคเพื่อไทย สั่งถอย ไม่เอา “กัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติด ทั้งที่ เจ้ากระทรวงสาธารณสุข “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แสดงอาการขึงขัง จะต้องทำให้ได้ ถึงขนาด เรียก คณะกรรมการยาเสพติด ที่ส่วนใหญ่เป็น ขรก.ในสาธารณสุข มาหารือเร่งด่วนกะทันหัน ทันทีที่มารับตำแหน่ง แต่สุดท้ายต้อง หน้าแตก ชนิด”หมอไม่รับเย็บ”

ขณะที่ “เสี่ยหนู” ยิ้มแฉ่ง หลังจบประชุม ครม.ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ หน้าบาน ถึงปมปัญหา “กัญชา” อันเป็น นโยบาย”เรือธง” ของ ภูมิใจไทย ที่ใช้หาเสียงมาตลอด ว่า “เป็นบัญชาของนายกฯ ให้ ออก พ.ร.บ.มาควบคุม

สรุปว่า วิน-วิน ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้ง เพื่อไทย-ภูมิใจไทย !