“ศุภมาส” เผยที่ประชุมคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการซื้อขายวุฒิปริญญาของมหาวิทยาลัยเอกชน กระทรวง อว.มีมติให้ขอเอกสารพยานหลักฐานเพิ่ม 11 รายการพร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้อง 9 รายให้ถ้อยคำก่อนสรุปผล ส.ค.นี้ ขณะเดียวกันวางมาตรการเข้มตรวจละเอียดประกาศกฎกระทรวงให้ทุกมหาวิทยาลัยส่งข้อมูลของผู้เรียน ทั้งชื่อนักศึกษา เลขบัตรประชาชน ข้อมูลผู้ได้รับปริญญามาให้กระทรวง อว. ตรวจสอบว่าผู้สำเร็จการศึกษาได้ปริญญามาถูกต้องหรือไม่
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้สั่งการให้ปลัดกระทรวง อว. ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการซื้อขายวุฒิปริญญาของมหาวิทยาลัยเอกชน โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. เป็นประธานและมีคณะกรรมการประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกและผู้บริหารสำนักงานปลัดกระทรวง อว.จำนวน 9 คน
ล่าสุด ตนได้รับรายงานจาก ศ.ดร.ศุภชัย ว่า คณะกรรมการฯ ได้จัดประชุมเป็นครั้งแรกเพื่อกำหนดแนวทางและแผนการดำเนินการและมีมติให้ขอเอกสารพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากมหาวิทยาลัยทั้งสิ้นจำนวน 11 รายการ โดยกำหนดระยะเวลาให้มหาวิทยาลัยจัดส่งให้คณะกรรมการภายใน 15 วัน และเห็นชอบเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ถ้อยคำในเบื้องต้นมีผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 9 ราย ซึ่งหากข้อมูลเชื่อมโยงมากกว่า 9 ราย ก็ต้องเรียกสอบเพิ่ม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยระยะเวลาการทำงานของคณะกรรมการคาดว่าจะสรุปข้อเท็จจริงให้ได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้
รมว.อว. กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่และมีการประชุมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยดังกล่าวมาแล้วทำให้ทราบข้อมูลเบื้องต้น ยืนยันว่าการสืบสวนจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
“ที่สำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก กระทรวง อว.จะใช้มาตรการอย่างเข้มข้นจากประกาศกฎกระทรวง “กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาการเปิดเผยและการส่งข้อมูลการอุดมศึกษา พ.ศ.2566” โดยในหมวด 3 ได้ระบุให้มหาวิทยาลัยจัดส่งข้อมูลของผู้เรียน เช่น รายชื่อนักศึกษา เลขบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงข้อมูลผู้สำเร็จการศึกษาหรือผู้ได้รับปริญญาบัตรมาให้กระทรวง อว. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ที่มีชื่อสำเร็จการศึกษาได้ปริญญาบัตรมาอย่างถูกต้องหรือไม่ เช่น เพิ่งมีชื่อสมัครเข้าเรียนปีนี้ แต่ปีหน้าได้รับปริญญาเลย แบบนี้ถือว่าผิดปกติแน่นอน“ น.ส.ศุภมาส กล่าว.