“พล.อ.เกรียงไกร” รับหนักใจถูกเสนอชื่อชิงเก้าอี้ประธานสภาสูง ออกตัวหวังทำงาน กมธ.ทหารและความมั่นคง ชี้ “ปธ.วุฒิสภา” ต้องรู้กฎหมายมีวุฒิภาวะเป็นที่ยอมรับ
วันที่ 12 ก.ค. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทยอยเดินทางมารับเอกสารรายงานตัว จากที่ผู้มารับไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 173 คน โดยมีผู้ที่มารอตั้งแต่ก่อนเวลา 08.30 น. และหนึ่งในนั้น คือ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้ได้รับเลือก สว. กลุ่ม 1 กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง
พล.อ.เกรียงไกร ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือรับรอง ถึงกระแสถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ว่า มีความหนักใจ และต้องขอขอบคุณสื่อที่เสนอว่าตนเป็น 1 ในแคนดิเดตประธานวุฒิสภา แต่ความตั้งใจที่ตนเข้ามาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา อยากทำงานทางด้านความมั่นคงในเรื่องของการด้านทหาร โดยเฉพาะชายแดนภาคใต้ จะเอาประสบการณ์ องค์ความรู้ที่มีไปแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อถามว่า ในการเลือกประธานวุฒิสภา มีประเด็นเรื่อง สว. กลุ่มสี สู้กับกลุ่มอิสระ มองอย่างไร พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ทุกคนมีโอกาส ทุกคนเป็นผู้มีองค์ความรู้ หลากหลายกลุ่มอาชีพทั้ง 20 กลุ่ม เราจะเห็นว่ากระบวนการเลือก สว.ที่ผ่านมา ที่กำหนดมาใน 20 กลุ่มอาชีพ เป็นกลุ่มอาชีพที่มีความหลากหลายและมีประสบการณ์ในอาชีพของตนเอง ที่ก้าวเข้ามาดูแลอาชีพของตนเอง ในบริบทของการเป็น สว.
ส่วนการเป็นทหารจะถูกมองอีกมุมหรือไม่นั้น พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ไม่เป็นไร อยากทำหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยเฉพาะงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 อยู่ที่นั่นมาอย่างยาวนานตั้งแต่เกิดจนกระทั่งบัดนี้ ไปเป็นเลขาฯ ของกระบวนการพูดคุยสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าได้ทำงานตรงนี้ความต่อเนื่องจะเกิดขึ้น ในบริบทของกลุ่มทหารก็ดี หรือกลุ่มต่างๆก็ดี ก็มีเป้าหมายร่วมกัน คือทำอย่างไรให้สันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้น แต่ว่ากลยุทธ์ในการเดินกฎหมายแตกต่างกัน ก็ปรับกันได้ เพราะความหลากหลายตรงนี้ คือสิ่งที่ทำให้เกิดกระบวนการนำไปสู่จุดหมายร่วมกัน ในการเปลี่ยนแปลงวิธีการ ถ้าคิดคนเดียวก็อยู่ในมุมของตน ถ้าตนรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น การที่จะเดินไปสู่จุดหมายได้ก็เกิดความรอบคอบมากยิ่งขึ้น
พล.อ.เกรียงไกร กล่าวถึงการทำงานของ สว.ใหม่ 200 คน ว่า ความหลากหลายใน 20 กลุ่มอาชีพ ทำให้มีการได้เปรียบในเชิงการปฎิบัติของผู้คนที่มีประสบการณ์ สามารถที่จะนำมาสู่กระบวนการกลั่นกรอง การทำงานของสมาชิกวุฒิสภา ส่วนข้อกังขาในเรื่อง สว.จัดตั้งนั้น ต้องขอมองกลับไปว่าการที่เกิดปัญหาการฮั๊ว ตนว่ามีกันทุกกลุ่ม เราก้าวเข้ามาด้วยห้วงเวลาที่จำกัด ไม่มีกระบวนการในการหาเสียง และเราได้ใช้การพูดคุย การรวมกลุ่มกันให้ได้นำเสนอโอกาสของตัวเอง หรือผลงานในช่วงที่ผ่านมา และได้มีการจับกลุ่มคุยกัน ซึ่งเป็นปกติ ในส่วนที่มีมุมมองต่างๆ ก็เป็นเรื่องของมุมมอง ความคิดเห็นที่มีความแตกต่างกันออกไป ก็ไม่เป็นไรให้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สว. กลุ่มเสียงข้างน้อย มองว่า สว. เสียงข้างมาก จะกินรวบตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งประธานและรองประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ไม่แน่เสมอไป ต้องมาดูกันในวันที่เปิดการประชุมว่าบริบทตรงนี้จะเป็นอย่างไร อย่างไรก็แล้วแต่ในเรื่องของกระบวนการประชาธิปไตย ในเรื่องของการยอมรับในเสียงส่วนมากในการลงมติ แต่ก็ไม่เพิกเฉยต่อเสียงส่วนน้อย ต้องฟังเสียงส่วนน้อยในข้อท้วงติง และแนะนำข้อเสนอ เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย
ส่วนกรณีที่มี สว. บางคน อยากฟังวิสัยทัศน์ ผู้ชิงตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีการเสนอชื่อ พล.อ.เกรียงไกรนั้น พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ก็เห็นว่าวิสัยทัศน์ของทุกคนมีอยู่แล้ว การเลือกประธานวุฒิสภาในกระบวนการที่แสดงวิสัยทัศน์ตามที่เคยปฏิบัติมา ทุกคนที่คาดหวังในจุดนั้น ก็คงมีการเตรียมตัวมา ในส่วนตัวต้องไปดูบริบท ว่าจะนำเสนอให้สมาชิกได้รับทราบอย่างไรในความตั้งใจของเรา แต่อย่างที่เคยบอกไป ส่วนตัวอยากทำหน้าที่ในกรรมาธิการด้านทหารและด้านความมั่นคง
เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อให้ลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า แล้วแต่สมาชิกแต่ละคน ในความคิดของตนต่อผู้ที่จะเป็นประธานวุฒิสภา จะต้องมีความรอบรู้ทางด้านกฎหมาย มีวุฒิภาวะ และเป็นที่ยอมรับ ส่วนที่ สว. หลายคน มองว่าประธานวุฒิสภา ควรเป็นนักกฎหมายมากกว่านักบริหารนั้น แล้วแต่มุมมองแต่ละคน แต่ก็ต้องยอมรับในกระบวนการที่ตกลงกัน ทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอได้ทั้ง 200 คน เพราะมีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้น และใน 200 คน ส่วนตัวยังไม่ทราบว่ามีใครที่เคยเป็นวุฒิสภามาบ้างหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่คงยังไม่คุ้นเคยกับสภา ถือว่าเป็นบทบาทใหม่ ที่เราต้องเรียนรู้กันไป ในกฎระเบียบ ข้อบังคับ และหลักการทำงาน เราต้องศึกษาและเรียนรู้และดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า วุฒิสภาสามารถทำหน้าที่เป็นสภาพี่เลี้ยงของสภาผู้แทนราษฎรได้ใช่หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนมีวุฒิภาวะ มีความรู้สึกสำนึกในหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับผิดชอบ ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คิดว่าทิศทางน่าจะเป็นไปด้วยดี
เมื่อถามย้ำว่า เสียใจหรือไม่ เนื่องจากว่ามีการนำเสนอข่าวว่า เป็น สว. ที่มีสี พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ตนเป็นสีน้ำเงินเข้มอยู่แล้ว หมายถึงตนมาจากทหาร ยึดสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน และน้ำเงินแถบใหญ่มาก เป็นสีตรงกลางที่สำคัญมาก.