“ศุภชัย ใจสมุทร” ยันกัญชาต้องมีพ.ร.บ.ควบคุม เอาอคติทิ้งไปแล้วมองประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ย้ำ ภท.ไม่เคยเปลี่ยนอุดมการณ์เรื่องกัญชา
วันที่ 4 ก.ค.2567 นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ได้ออกมาให้ความเห็นในงานเสวนา เจตนารมณ์การกำหนดอนาคตกัญชาประเทศไทย ว่า ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชง ขอชี้แจงว่า ” หลายปีที่ผ่านมาจนถึงวินาทีนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่เคยเปลี่ยนอุดมการณ์ความคิดในเรื่องของกัญชา ที่จะทําให้กัญชาสามารถเป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ทุกคนที่ต้องการเข้าถึง และ ใช้ประโยชน์กับกัญชาทางการแพทย์ ทางสุขภาพ และเศรษฐกิจ ยังเชื่อว่าตราบเท่าที่พวกท่านรวมตัวกันด้วยความแข็งแรงเมื่อสองปีที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดเดียวกันนี้เอง ผมเป็นคนที่สนับสนุนให้มีการควบคุมสารสกัด THC ไม่เกิน 0.2% แต่ถ้าพรุ่งนี้ เขาบอกว่าให้กลับไปเป็นยาเสพติด การที่คุณจะเปลี่ยนกฎหมายจากฉบับที่เคยบอกว่ากัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติดแล้วกลับมาเป็นยาเสพติด คุณต้องมีเหตุผลรองรับสนับสนุน”พรรคภูมิใจไทย ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเป็นหน้าที่ของผู้แทนราษฎรของพรรคการเมือง เราไม่ได้คิดว่าขัดแย้ง แต่ที่ผ่านมาเจ็บปวดมาจากการที่เราร่างกฎหมายที่ดีที่สุดออกมา โดยเราอุตส่าห์ทํากันมาเพื่อประชาชน ไม่เคยมีความรู้สึกว่าภาระหน้าที่ของผมในเรื่องของกัญชามันจะสิ้นสุด แต่ควรจะต้องมีหน้าที่อยู่กับท่านต่อไป
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทยโดยการนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคไม่เคยเปลี่ยน ทุกท่านพี่น้องประชาชนได้เห็นการติดตามการให้สัมภาษณ์หัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรค สส. ทุกคนในพรรค ยังยืนยันเสียงของประชาชนเป็นเสียงที่มีค่ามีคนประมาณ 5 ล้านคนที่ได้ใช้ได้ใช้ประโยชน์ และตอนนี้กําลังจะถูกเอากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนที่คุณประสิทธิ์ชัย บอกว่า เอากัญชาไปเป็นยาเสพติด ไปขัง แล้วคิดว่ามันจบ มันไม่จบหรอก แล้ววันนี้ที่มันยังเป็นปัญหาอยู่ก็คงเป็นเรื่องการเมือง กัญชาเป็นพืชทางการเมือง และผมเสียใจด้วยว่า ผมเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองที่ทําให้กัญชาไปหยุดชะงักและความปรารถนาดี มีความตั้งใจจริงของพวกเรายังไม่เคยเปลี่ยนพรรค และผมพร้อมที่จะเดินสู้กัน
“พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะสู้เหมือนกัน และผมยังเชื่อมั่นเสมอว่า วันนั้นกัญชาก็ควรจะต้องกลับมาเป็นกัญชาที่มีความถูกต้องโดยมีกฎหมายควบคุม และทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเชิงอุตสาหกรรม ในเรื่องของทางการแพทย์ เรื่องเศรษฐกิจก็จะได้เติบโต วันนี้เอาอคติทิ้งไปแล้วมองประชาชนเป็นศูนย์กลางมองประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ” นายศุภชัย กล่าว