สภาฯฉลุยรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบฯปี68 ตั้ง”กมธ.วิสามัญฯ” 72 คน คิ้กออฟประชุมนัดแรก 24 มิ.ย.นี้ แปรญัตติ 30 วัน “พิธา”ยกบัญญัติ OECD แอบแซะ”ปธ.กมธ.งบประมาณ” บางประเทศ ไม่ได้มาจากซีกรัฐบาล แต่ของไทยมาจากรบ.ตลอด ชง 5 ข้อเร่งด่วนสางปัญหางบฯแผ่นดิน แนะดึงประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบโปร่งใส ขณะที่”ภูมิธรรม”ยันจะพิจารณายึดประโยชน์สูงสุดปชช. เมินเสียงวาทกรรม ด้อยค่า ถากถาง
วันที่ 21 มิ.ย.2567 เวลา 20.54 น. ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่3 โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (กก.) อภิปรายว่า ตนขอพูดถึงกระทรวงการคลัง ที่เคยบอกไว้ว่าอาจจะเป็นเหล้าใหม่ที่พวกตนไม่เคยชิม มันทำให้นึกถึงเหล้าเก่าที่พวกเราเคยชิมด้วยกันตอนที่ยังเป็นฝ่ายค้าน นั่นคือเรื่องสุราก้าวหน้า เรื่องภาษีสรรพสามิตร ที่เราเคยโหวตแพ้ตอนเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน และเคยเป็นหนึ่งในเอ็มโอยูเมื่อช่วงจัดตั้งรัฐบาล เราศึกษากันมามากแล้ว สิ่งที่ต้องทำแค่แก้กฎกระทรวง ส่งเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) รัฐมนตรีสามารถทำได้เลย ไม่ต้องรอนาน เป็นการเพิ่มภาษีสรรพสามิตรใหม่ๆเข้าประเทศ จะสามารถเปลี่ยนโภคภัณฑ์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์จากเกษตร ทำให้ภาษีเพิ่มเข้ามาจำนวนมาก
นายพิธา กล่าวต่อว่า องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ที่มีมติเอกฉันท์จาก38ประเทศสมาชิก ให้ประเทศไทยได้เข้าสู่กระบวนการการเป็นสมาชิกใหม่ เคยระบุไว้ชัดว่าเวลางบประมาณผ่านวาระแรกแล้ว จะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการ แต่บางประเทศประธานกรรมาธิการงบประมาณ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรงนี้เป็นเรื่องการตรวจสอบความโปร่งใสของงบประมาณ ที่ผ่านมาทางรัฐมนตรีจากฝั่งรัฐบาลจะเป็นประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณมาโดยตลอด จึงถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ โดยเฉพาะความโปร่งใสในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการงบประมาณ เมื่อมีการตรวจสอบแล้ว ประชาชน หรือฝ่ายค้านมีโอกาสตรวจสอบมากน้อยแค่ไหน
“ผมขอเสนอแนะ5สิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน 1.ความชัดเจนเกี่ยวกับกับแผนรายได้กับแผนหนี้ของประเทศ ที่ยังไม่ค่อยมีความชัดเจนเท่าไหร่ ผมอยากได้ยินเรื่องนี้จากรัฐบาล และกระทรวงการคลัง 2.แผนการปฎิรูปภาษีอย่างเป็นธรรม 3.แผนการช่วยเหลือประชาชนที่งบประมาณไม่ครอบคลุม เช่น ประชาชนที่เสียภาษีผ่าน VAT ผ่านภาษีการบริโภค เขาอาจจะอยากถามว่าเขาอยู่ตรงไหนของแผนงบประมาณ 4.การเปิดเผยกระบวนการพิจารณางบต่อสาธารณะ และ5.การปรับกระบวนการงบประมาณตามมาตรฐานของOECD” นายพิธา กล่าว
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นตัวแทนรัฐบาลกล่าวสรุปว่า ขอขอบคุณประธาน และสมาชิกที่ได้ร่วมกันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 ที่รัฐบาลเสนอ รัฐบาลขอเน้นย้ำว่า ภายใต้วงเงินงบประมาณที่มีมีอยู่อย่างจำกัด รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับประชาชน และผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ โดยการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบฯปี68 ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้เต็มศักยภาพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน และประเทศผ่านการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา และวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง8อุตสาหกรรม บนการพัฒนา6พื้นฐานสำคัญ มาเป็นแนวทางในการจัดการงบฯ ในการพัฒนาการ และจัดสรรทรัพยากรประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมทั้งคำนึงถึงความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ โดยการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนทุกคน รวมทั้งสนับสนุนให้เศรษฐกิจมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพตามที่นายกฯได้แถลงประกอบงบฯ ปี 68
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า สำหรับความเห็นและข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่างๆที่สมาชิกทุกคนได้อภิปรายไว้ ผมในนามของรัฐบาลขอน้อมรับไว้ และขอฝากไว้ให้คณะกรรมธิการวิสามัญที่สภาฯ นี้จะได้แต่งตั้งขึ้นนำไปใช้ประกอบในการพิจารณาตรวจสอบรายละเอียดของร่างพระ ราชบัญญัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ให้เป็นไปโดยรอบคอบเคร่งครัดยิ่งขึ้นรวมทั้งเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ขออนุญาตไม่รวมวาทกรรมและคำพูดถากถาง ด้อยค่า ที่ทำลายความเชื่อมั่นซึ่งอาจมีหลุดลอดออกมาให้เห็นได้เป็นช่วงๆ
ต่อมาในเวลา 22.00 น.นายวันมูหะมัดนอร์ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ให้สมาชิกลงมติในวาระรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 ผลปรากฎว่าที่ประชุมรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 วาระรับหลักการ ด้วยคะแนน 311 ต่อ 175 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 0 หลังจากใช้เวลาพิจารณาเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน จากนั้นที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 จำนวน 72 คน แบ่งเป็นสัดส่วน ครม.จำนวน 18 คน และสัดส่วนพรรคการเมือง 54 คน ดังนี้ พรรคก้าวไกล 16 คน พรรคเพื่อไทย 15 คน พรรคภูมิใจไทย 8 คน พรรคพลังประชารัฐ 5 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 4 พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรคประชาชาติ 1 คน และพรรคไทยสร้างไทย 1 คน โดยกำหนดระยะเวลาในการแปรญัตติจำนวน 30 วัน ซึ่งจะนัดประชุม กมธ.ฯ นัดแรก วันที่ 24 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.จากนั้นเลขาธิการสภาฯ ได้อ่านพระบรมราชโองการพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสมัยวิสามัญ พ.ศ.2567 และได้สั่งปิดประชุมในเวลา 22.26 น.