จับตาการนัดรวมตัวคนตระกูลชินวัตร ก่อนเหตุการณ์สำคัญจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณี “เพื่อไทย” แอบจับมือกันอย่างลับๆ กับ “ก้าวไกล” หาที่พักพิง สส.ก้าวไกล หากถูก ศาลรธน.สั่งยุบพรรค และ ช่วยกันเข็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ผ่านสภา เพื่อให้ “ทักษิณ” หรือ “เศรษฐา” อยู่รอด ซึ่งจะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่จะรอด ไม่นายกฯ คนปัจจุบัน ก็อดีตนายกฯ
วันศุกร์ ที่ 7 มิ.ย.67 นี้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี มีนัดพบปะคนในครอบครัวเป็นการภายในที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้าพร้อมหน้า โดย “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา จะเดินทางมาร่วมด้วย
แม้ปัจจุบันคุณหญิงพจมานจะหย่าขาดในทางกฎหมาย แต่ในทางพฤตินัย “ทักษิณ” ให้เกียรติและรับฟังความคิดเห็นในทุกเรื่อง อีกทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญของพรรคเพื่อไทย (พท.)
อาจพูดได้ว่า เป็นเพราะประกาศิต “คุณหญิงพจมาน” ทำให้“เศรษฐา ทวีสิน” ได้เป็น “นายกฯ”จนถึงทุกวันนี้ เพราะเชื่อว่ามีความพร้อมมากกว่า “แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนเล็ก ที่หวังให้เข้ามาบริหารประเทศพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ในห้วงซบเซาให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
การนัดมารวมตัวกันของคนในตระกูลชินวัตร ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ก่อนเหตุการณ์สำคัญจะเกิดขึ้น ย่อมถูกจับตาแน่นอนว่า “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แม้จะเดินทางมาไม่ได้ แต่คาดหมายว่า จะมีการวีดิโอคอลร่วมพูดคุยด้วย
ย้อนไปในอดีต เมื่อครั้ง “ทักษิณ” ถูกคดีความ หลายต่อหลายดคี จากการตั้งข้อกล่าวหา ของ คตส. หรือ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ “คุณหญิงอ้อ” ก็ เคยปรากฏตัว ออกมาช่วยแก้ต่าง ด้วยการเข้าพบ “ป๋าเปรม” พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯ มาแล้ว
ตัดกลับมาที่ จังหวะคดีร้อนในเดือน มิ.ย. เริ่มด้วยคดียุบพรรคก้าวไกล โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดี ปมล้มล้างการปกครอง 12 มิ.ย.นี้ หลังจากรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปเมื่อ 4 ม.ย.
กระบวนการจากนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จะให้ไต่สวนหรือเรียกพยานมาเพิ่มเติม ก็อาจยืดเวลาอีกระยะ แต่หากเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว นัดวินิจฉัยได้ทันที
ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า คนการเมืองฟันธงแล้วว่า “ก้าวไกล” ไม่รอดแน่ จึงได้เกิดปรากฎการณ์ หลายพรรคการเมืองพยายามดึงตัวสส.ก้าวไกลไปอยู่ร่วมชายคา เพราะหากสถานการณ์พลิกจำนวน สส.ที่อยู่ในมือ ยิ่งมากเท่าไหร่ ย่อมสามารถสร้างแต้มต่อทางการเมืองได้เท่านั้น
ส่วนคดี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ถูก 40 สว.ยื่นถอดถอนปมแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อยู่ระหว่างจัดทำคำชี้แจง เตรียมยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย.นี้ตามมาติดๆ ด้วยคดีอาญามาตรา 112 อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่อัยการนัดนำส่งตัวฟ้องต่อศาล วันที่ 18 มิ.ย. หลังจากเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ทักษิณไม่ได้ปรากฏตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุด ตามนัดหมายของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ให้ไปรับฟังคำสั่งคดี โดยอ้างป่วยโควิด-19
ประจวบเหมาะกับสถานการณ์ร้อน เรื่องการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาฯ ที่มี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้เตรียมเสนอผลศึกษาต่อสภาฯ ในช่วงเปิดสมัยประชุมในเดือน ก.ค.นี้
ทำให้ถูกจับจ้องว่า “นิรโทษกรรม” จะรวมคดี ม.112 ด้วยหรือไม่ เมื่อมีตัวละครสำคัญอย่าง “ทักษิณ” รวมอยู่ด้วย แม้ฝ่ายการเมืองยังมีความเห็นต่าง ส่วนกองทัพไม่ต้องพูดถึง ไม่เห็นด้วยแน่นอน
4 ประเด็นซึ่งเกี่ยวพันกับนายกฯคนปัจจุบัน อดีตนายกฯ กับอีกหนึ่งพรรคการเมือง และปมร้อนนิรโทษ ม.112 จะเป็นอย่างไร แน่นอนว่า หลายฝ่ายฟันธง ต้องโยงกับ “ดีลลับ” จัดตั้งรัฐบาล ที่ ลังกาวี อย่างเลี่ยงไม่ได้เรื่องนี้พูดตรงกัน ทั้งแวดวงคนการเมือง และคนนอกกองทัพ หลังพบว่าพรรคเพื่อไทยแอบจับมือกับพรรคก้าวไกลแบบลับๆ หาที่พักพิง สส.ก้าวไกล หากถูกยุบพรรค และร่วมด้วยช่วยกันเข็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
จนถึงขั้นพูดกันว่า เพื่อไทยถูกยื่นเงื่อนไขให้เลือกระหว่างนายกฯ คนปัจจุบัน กับ อดีตนายกฯ มีเพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่จะรอด
จึงนำไปสู่กระแสข่าวการเปลี่ยนตัวนายกฯ พร้อมพุ่งเป้าไปที่ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรค DNA ลุงตู่ ส่วนพรรคเพื่อไทยเสนอ “ชัยเกษม นิติสิริ”
ทว่า “ดีลลับ”รอบนี้ ยังไม่ตกผลึก ต้องเจรจาต่อรองกันอีกยก เพราะต้องไม่ลืมว่า พรรคเพื่อไทยดึง “วิษณุ เครืองาม”มาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี หวังเป็นมือประสานสิบทิศในส่วนที่เข้าไม่ถึง
การปรากฎตัว “คุณหญิงพจมาน” ณ บ้านจันทร์ส่องหล้า ในช่วงรัฐบาลเพื่อไทยกำลังระส่ำกับมรสุมลูกใหญ่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอยู่หรือไปของ “ทักษิณ-เศรษฐา” ย่อมมองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากหาทางออกอย่าง “รอมชอม” ที่สุด
แต่จะสำเร็จหรือไม่ เป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่ต้องติดตามกันอย่างลุ้นระทึก!!!