“คำรณวิทย์” แจง กระแสข่าวแตกหัก “ทักษิณ” หลังไม่ลงสมัครชิงนายกฯอบจ.ปทุมธานี ในนามพรรคเพื่อไทย ยืนยัน ยังเคารพรัก เหมือินเดิม ความเป็นพี่น้องตัดกันไม่ขาด แต่จำเป็นต้องลงอิสระ เพื่อความคล่องตัวในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
วันที่ 17 พ.ค.67 ที่ ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งนายก อบจ. ปทุมธานี “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ประธานมูลนิธิมงคลจงกลธูปกระจ่าง คลินิกแพทย์แผนไทย ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ได้ชี้แจงกระแสข่าวแตกหัก กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังไม่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า
“พี่ทักษิณ ซึ่งผมยังคงเคารพรัก ระบบในโรงเรียนนายร้อยตำรวจเรา พี่ทักษิณ รุ่น 26 ผม รุ่น 30 อย่างไรรุ่นก็ตามไม่ทัน แต่ความเป็นพี่น้อง ก็จะติดตัวจนตาย ผมก็เป็นน้องเขาตลอดชีวิต แต่วันนี้เมื่อลงเมาเล่นการเมือง พี่เขาจะลงมาถล่มผมอย่างไรไม่มีปัญหา เขาก็มีเหตุผลของเขา แต่ผมยืนยันว่าเป็นน้องเขาตลอดชีวิต แล้วก็จะเคารพนับถือเขาตลอดไป จะไม่มีไปละลาบละล้วง ไปด่าพี่ ไปว่าพี่ จะไม่มีออกจากปากผมเด็ดขาด เคารพพี่เขาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ใครจะพูดใส่ร้ายอย่างไร ซึ่งไม่เคยออกจากปากผม แล้วผมขออยู่แค่ท้องถิ่น ไม่ได้ไประดับประเทศ”
“ตลอดเวลาผมเคารพพี่เขาเหมือนเดิม ข้ามน้ำข้ามทะเลผมก็ไป ด้วยความรักความห่วงใย ด้วยความเป็นน้อง แต่มาวันนี้ ผมมาอยู่ท้องถิ่น ผมไม่ทราบว่าพี่เขาจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่พี่เขา แต่ผมก็ยังคงเคารพรักพี่เขาเหมือนเดิม โดยที่ผมจะไม่เปลี่ยนคำพูดนี้โดยเด็ดขาด ผมไม่เคยคิดร้ายกับพี่เขา ในทางการเมืองพี่เขาจะทำอะไรก็ทำผมไม่ว่า แต่ผมอยู่แค่ท้องถิ่นอยู่แค่ปทุมธานี หลังจากที่พี่เขากลับมาผมไม่ได้ติดต่อเลย เพราะว่าผมไม่รู้ว่ามีใครไปใส่ร้ายอะไรผมไว้บ้าง ผมไม่รู้พี่เขาฟังใคร แต่ไม่เคยคุย หลายคนว่าปิดตำนาน มีวันนี้เพราะพี่ให้ จะปิดไปได้อย่างไร ตำนานคือตำนาน ตำนานจะต้องคงอยู่ แต่อนาคตใครจะคิดอย่างไงเราไม่รู้ ผมก็ยืนยันตามตำนานเดิมถ้าผมเปลี่ยนผมก็เลวเต็มที”
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนทำงานนายก อบจ.ปทุมธานี มา 3 ปี 3 เดือน เรามีผลงานอะไรบ้างพี่น้องประชาชนเขาเห็นอยู่แล้ว ตนจึงคาดหวังว่าพี่น้องชาวปทุมธานีขอให้คิดถึงผลงานที่ของแต่ละท่าน เพราะนายก อบจ.อยู่ติดกับพี่น้องประชาชน อะไรที่เป็นปัญหาของประชาชน นายก อบจ.ต้องลงไปแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
แต่ถ้านายก อบจ.มัวแต่ไปสังกัดพรรค แล้วไปขอนโยบายพรรคว่าจะอย่างไร ตนถามว่าจะแก้ปัญหาให้ประชาชนทันหรือไม่ จะต้องไปถามนโยบายพรรค แล้วพรรคจะรู้ดีกว่าคนที่ใกล้ชิดประชาชนหรือ ก็อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ อย่างกรณีที่ตนเอาซิโนฟาร์มมาฉีดให้ประชาชน ตนยังต้องไปถามพรรคหรือ ในเมื่อประชาชนเดือดร้อน
ตนต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเร็วที่สุด จะให้ประชาชนเดือดร้อนไปแล้ว จะค่อยมาหาจังหวะเยียวยาแบบนี้ก็ไม่ใช่ ตนจึงมาลงในนามอิสระ ถึงได้ลาออก ตนไม่ยอมให้ประชาชนเดือดร้อนแบบปี 54 แล้วตนไม่ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าตนไม่ได้กลับมา เมื่อไม่ได้รับการเลือกตั้ง ก็กลับไปรักษาคนไข้เหมือนเดิม.