แห่ทวงสัญญา ” อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา-ภูมิธรรม” ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะขอให้ศาลปล่อยผู้ต้องหาคดีม.112 หลัง “บุ้ง ทะลุวัง” ประท้วงอดอาหาร จนตายคาคุก ‘จตุพร’ลั่น รัฐบาลเพื่อไทย ต้องรับผิดชอบ เหตุปฏิบัติไม่เสมอภาคเหมือนกรณี’ทักษิณ’
วันที่ 15 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์ กลุ่มที่สนับสนุน น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ภายหลังการเสียชีวิตของ บุ้ง ได้มีการแชร์คำพูดของแกนนำพรรคเพื่อไทย ช่วงหาเสียงเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ต่อนโยบายที่เกี่ยวกับผู้ต้องหาคดีม.112
โดยสื่อมวลชนได้พาดหัวกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า “หมดเปลือก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น!ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะขอให้ศาลปล่อยตัวผู้ต้องหาคดี ม.112 ทั้งหมด จ่อแก้กม.หมิ่นเจ้า”
โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2566 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐี ทวีสิน สองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมกันให้สัมภาษณ์ออกรายการผ่านทาง TikTok และ Instagram Live หัวข้อ “หมดเปลือกเพื่อไทย” โดยมีนายคชาภา ตันเจริญ หรือ “มดดำ” เป็นผู้ดำเนินรายการ และถามคำถามแทนประชาชนที่ส่งมาตามช่องทางต่างๆ
ช่วงหนึ่ง มดดำ ถามว่า ทุกคนพูดถึงจุดยืนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอนเราไม่ยกเลิกมาตรา 112 แต่เราต้องมาคุยกันในสภา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะขอความเมตตาต่อศาล ว่ามีน้องๆ และผู้เห็นต่างทางการเมืองหลายคนที่ติดอยู่ในนั้น ขอให้มีการปล่อยตัว และต้องมีการแก้ไขระเบียบ ต้องกำหนดว่าใครเป็นคนฟ้อง อัตราโทษเราไม่สนับสนุนเอามาใช้เป็นเกมส์การเมือง เราต้องมีกฎหมายคุ้มครองประมุขรัฐ แต่ไม่เอามาใช้เป็นเกมส์การเมือง ต้องฟังเสียงประชาชน
ด้านนายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าเราเป็นรัฐบาลก็ต้องดูการประกันตัว เพื่อต่อสู้ได้อย่างเป็นธรรม แต่คู่ขนานกันไปคนรุ่นใหม่กังวลมาก แต่พรรคเพื่อไทยเน้นการทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีกินดี การสมัครใจเป็นทหาร การสมรสเท่าเทียม การทำงานกับความสามารถ ถ้าเราดูแลปัญหานี้ได้ แต่ปัญหาม.112 อาจถูกลดทอน แต่พวกเขาไม่สบายใจก็ต้องมีเปิดพื้นที่รับฟัง.
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเลขานุการผู้นำฝ่ายด้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่ง ว่า “นักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่ถูกกล่าวหาในคดีความทางการเมืองจากเหตุความคิดเห็นและความเชื่อที่แตกต่างต้องได้รับการประกันตัวและได้รับการพิจารณาคดีอย่างเที่ยงธรรม”
ล่าสุดวันนี้ (15 พ.ค.) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รู้สึกเสียใจต่อการสูญเสีย และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้เหตุการณ์แห่งการสูญเสียเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ว่ากับใครหรือสาเหตุใด “นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง สาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ให้ความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรมจะแถลงข้อเท็จจริงเมื่อได้ข้อสรุป”
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า ราชทัณฑ์ปฎิบัติไม่เสมอภาค ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างกรณี ทักษิณ ชินวัตร กับกรณีของ บุ้ง ทำให้อดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัวถึง 110 วัน จนเสียชีวิตเมื่อ 14 พ.ค.นี้ ดังนั้น การเสียชีวิตของบุ้ง-เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมปฏิรูปโครงสร้างสังคม กลุ่มทะลุวัง ควรเป็นอุทาหรณ์กับการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรมดูแลกรมราชทัณฑ์ ซึ่งรู้ดีว่า การอดอาหารของบุ้งและคนอื่นนั้นต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มข้น เพราะได้แสดงความเด็ดเดี่ยว นิ่ง ไม่ยี่หระกับความเป็นความตายเบื้องหน้า
กรณีของบุ้งเมื่อเทียบกรณีทักษิณ จึงแสดงถึงความเหลื่อมล้ำกันชัดเจน เพราะทักษิณเป็นนักโทษคดีทุจริตและอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี ม.112 เช่นกันกับบุ้งที่มีอายุ 27-28 ปีน้อยกว่ามาก แต่การปฏิบัติของทางราชทัณฑ์ที่ขึ้นตรงกับกระทรวงยุติธรรมและรัฐบาลนั้น กลับแตกต่างกัน ไม่เสมอภาคกัน และสะท้อนถึงการมีชีวิตของคนไม่เท่ากัน
“โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยหาเสียง โดยเน้นเรื่องสิทธิ์การประกันตัวแต่ไม่ได้ทำหน้าที่อะไร เมื่อได้เป็นรัฐบาล นายกฯ ที่สั่งการกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องจะเข้าไปดูแลเรื่องความเสมอภาคก็ไม่ปฏิบัติ ถ้าดูแลบุ้งเหมือนกับทักษิณวันนี้บุ้งก็ไม่ตาย”
นายจตุพร กล่าวว่า ยังมีคนอดอาหารเหลืออยู่ในคุกอีก 3 คน จึงอยากให้สังคมมีความตระหนักว่า จะแสดงความคิดเห็นใดก็ตาม ควรเหลือพื้นที่ความเป็นมนุษย์และการต่อสู้ของคนในวัยหนึ่ง ซึ่งสังคมต้องรู้จักให้อภัย โดยเทียบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ซึ่งในอดีตจับปืนต่อสู้กับรัฐบาลไทย สังคมยังให้อภัย ให้โอกาสได้ จนได้เป็นรัฐมนตรีในวันนี้
“พวกนี้ถ้ามาเทียบกับคนรุ่นบุ้งแล้ว เทียบไม่ได้เลย นพ.พรหมมินทร์ เป็นลขาธิการนายกฯ เท่ากับเป็นนายกฯ น้อย ทำไมคนอื่นให้โอกาส แล้วตัวเองก็รับโอกาสนั้น แต่กับชีวิตของเยาวชนทำไมไม่รู้จักให้โอกาสเขาบ้าง” พร้อมกับกล่าวว่า รัฐบาลนายเศรษฐา ต้องรับผิดชอบเต็มๆ ในกรณีของบุ้ง แค่นำถ้อยคำที่เคยหาเสียงไว้ และพรรคเพื่อไทยไม่สนใจกับความตายของประชาชนเลย โดยนับตั้งแต่ทักษิณเรื่อยมาเคยเห็นพรรคนี้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับคนเสื้อแดงที่ตายจากการต่อสู้สักครั้งหรือไม่ ดังนั้น ความไม่เสมอภาคจึงเป็นเครื่องมือฆ่าบุ้งในวันนี้
นายจตุพร กล่าวว่า เจตนาของบุ้งไปไกลมาก ก่อนเสียชีวิตได้ทำทุกอย่างด้วยการสติ มอบร่างให้ รพ.ธรรมศาสตร์ ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้คนอื่นไว้พร้อม ดังนั้น ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุดยิ่งซ้ำเติมให้บาดแผลร้าวลึกไปเรื่อยๆ