ยุ่งแล้ว! ‘วิรังรอง ทัพพะรังสี’ ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูประเทศ ร้องสภาองค์กรของผู้บริโภค ยับยั้งการประมูลข้าวเก่า 10 ปี ของ รัฐบาล ชี้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค จากการตกค้าง ปนเปื้อน ของ สารอะฟลาท็อกซิน
13 พ.ค.2567 นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า เช้านี้ได้ร้องทุกข์ต่อสภาองค์กรของผู้บริโภค ทางช่องทางออนไลน์ เพื่อขอให้ยับยั้งการประมูลข้าวเก่า ๑๐ ปี ของรัฐบาล เรียบร้อยแล้วตามข้อความด้านล่างค่ะ ฉบับนี้รีบเขียน รู้สึกว่าเขียนได้ไม่ดีนัก หวังว่าจะได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
เรียน เลขาธิการ สภาองค์กรของผู้บริโภค
จากกรณีที่รัฐบาล จะเปิดให้มีการประมูลข้าว ๑๐ ปี ในโครงการรับจำนำข้าว เพื่อให้บริษัทเอกชนนำไปจำหน่ายให้ประชาชนบริโภค หรือ จะให้กองทัพซื้อให้ทหารรับประทานโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าข้าวดังกล่าวยังมีคุณภาพดี พร้อมกับได้โชว์การรับประทานข้าวผ่านสื่อให้ประชาชนได้รับชมและรับรองหลังรับประทานว่า ข้าวที่หุงยังมีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถบริโภคได้เหมือนข้าวปกติทั่วไปและอร่อยดี ทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นในสังคมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประชาชนผู้บริโภคข้าว ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะนำข้าวนั้นออมาประมูลขายเพื่อให้ประชาชนรับประทาน เนื่องจากข้าวดังกล่าวได้ผ่านการรมยาฆ่าแมลงเป็นเวลา ๑๐ ปี หรือ ประมาณ ๖๐-๑๒๐ ครั้ง แม้แต่การซาวข้าว ก็ต้องใส่ถุงมือยางและล้างด้วยน้ำเปล่าถึง ๑๕ ครั้ง ซึ่งก็ไม่สามารถล้างยาฆ่าแมลงที่ตกค้างสะสมฝังในเนื้อข้าวได้ นี้ยังไม่รวมว่าอาจจะมีอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
นอกจากนี้ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการระดับสูงของศูนย์วิจัยข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้นำตัวอย่างข้าว ๑๐ ปีจากโกดังในโครงการรับจำนำข้าว ใน จ.สุรินทร์ ที่สำนักข่าววันนิวส์ส่งไปให้ ไปตรวจสอบคุณภาพระดับการตรวจเพื่อการส่งออก ถึง ๓ รอบ และพบว่า ๑ ใน ๓ พบสารอะฟลาท็อกซิน หรือ สารก่อมะเร็งที่มีอันตรายมาก อยู่ในระดับ 20 pbb ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับไม่ปลอดภัย ไม่ควรนำมารับประทาน และคุณสมบัติทางกายภาพที่นักข่าวส่งให้มา คือเหม็นสาบ เป็นสีเหลือง
การที่นายเศรษฐา ทวีสิน และนายภูมิธรรม เวชยชัย อ้างว่าข้าวดังกล่าวไม่อันตราย สามารถบริโภคได้ และจะเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนนำไปจำหน่ายโดยที่มิได้ทำการทดสอบคุณภาพข้าวว่าปลอดภัยได้มาตรฐานหรือไม่นั้น นับเป็นเรื่องร้ายแรงที่รัฐบาลไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้บริโภคว่าข้าวดังกล่าวจะส่งผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างไรบ้างทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ผู้สื่อข่าวหลายสำนัก ได้นำข้อความที่ข้าพเจ้าโพสต์ใน Facebook เพื่อร้องขอให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และอย. เข้ามาตรวจสอบคุณภาพข้าวเก่าที่รัฐบาลกำลังจะเปิดประมูลขาย และขอให้เปิดเผยผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวให้ผู้ที่จะเข้าประมูลและประชาชนทราบ การหุงข้าวและรับประทานข้าวโชว์ออกสื่อ เป็นการกระทำอย่างลวกๆ ปาหี่ แบบขอไปที ไม่ถือเป็นการยืนยันมาตรฐานความปลอดภัยให้ผู้บริโภคได้
ข่าวดังกล่าวเผยแพร่ทางทีวี สื่อออนไลน์ หนังสือพิมพ์หลายช่องทาง แทบจะเรียกได้ว่า น่าจะเป็นไม่ได้ที่ สคบ. และอย. ซึ่งควรสนใจเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จะไม่ติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชน แต่จนถึงวันวันนี้ก็มีแต่ภาคประชาชนที่เริ่มออกมาทำการตรวจสอบคุณภาพข้าวกันเอง โดยสคบ. และอย. ยังคงนิ่งเฉย แตกต่างจากการที่เคยปฏิบัติกับประชาชนคือเข้มงวดกวดขันมาก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่แปลกใจ เพราะสคบ. เป็นหน่วยราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และอย. สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ข้าพเจ้าจึงมาร้องเรียนที่สภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อขอให้เป็นตัวแทนข้าพเจ้าและประชาชนคนไทยซึ่งถือเป็นผู้ที่ไม่เต็มใจ แต่อาจจะต้องบริโภคข้าวดังกล่าวโดยไม่ทราบ เนื่องจากบริษัทที่ประมูลได้อาจนำข้าวนั้นมาขายโดยมิแจ้งที่มาของข้าวให้ประชาชนทราบ หรืออาจนำไปผสมกับข้าวคุณภาพดี ตลอดจนอาจนำไปแปรรูปเป็นแป้ง หรือสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ซึ่งถึงเวลานั้น ถ้าออกสู่ท้องตลาดเป็นวงกว้างแล้วก็นับว่าสายเกินไปที่จะแก้ไข จึงสมควรที่จะต้องป้องกันไว้ก่อน โดยข้าพเจ้าขอให้ท่านเลขาธิการได้โปรดดำเนินการเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของข้าพเจ้าและประชาชนผู้บริโภคดังนี้:
๑. ขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย นักวิทยาศาสตร์ นักเคมี นักวิชาการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานอาหาร ทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่รัฐบาลประกาศว่าจะนำออกขาย อย่างถูกต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ตามหลักเกณฑ์การตรวจระดับสินค้าข้าวเพื่อการส่งออก และประกาศให้สาธารณชนทราบถึงผลการตรวจพร้อมใบรับรองผลการทดลองอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการ
๒. ขอให้ยับยั้งการประมูลข้าวเก่า ๑๐ ปี ของรัฐบาลแก่บริษัทเอกชน กองทัพ เพื่อการบริโภค หรือเป็นอาหารสัตว์ ตลอดจนการจำหน่ายถ่ายเทออกจากโกดังไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ จนกว่าจะได้ผลการทดลองในข้อ ๑
๓. หากผลการตรวจสอบพบว่า ข้าวมีคุณภาพดี ขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนกระบวนการประมูล โดยบริษัทที่ประมูลจะต้องระบุเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนประมูลว่าจะนำข้าวนั้นไปขายอย่างไร ปลีกหรือส่ง แหล่งที่จะจำหน่าย ตรวจสอบประวัติของบริษัทผู้เข้าประมูลอย่างเข้มงวดว่ามีศักยภาพพอที่จะบริหารจัดการได้อย่างที่แจ้งไว้หรือไม่ กำหนดรายละเอียดป้ายฉลากสินค้าที่ควรต้องชัดเจนโดยละเอียดว่าเป็นข้าวที่ประมูลจากโครงการจำนำข้าว วันหมดอายุ วิธีการหุง และห้ามนำไปผสมปนกับข้าวที่ได้จากที่อื่นโดยเด็ดขาดฯ และจะต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบติดตามการดำเนินงานของบริษัทที่ประมูลได้ว่า ได้ทำตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ครบถ้วนหรือไม่จนกว่าจะขายข้าวที่ประมูลได้หมด
๔. หากพบว่าข้าวเสื่อมสภาพ ขอคัดค้านการประมูลแม้เพื่อเป็นอาหารสัตว์ แต่หากสามารถนำไปแปรรูปได้ ขอให้ให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนการและติดตามการดำเนินงานเช่นเดียวกับในข้อ ๓
๕. หากพบว่าไม่สามารถทำประโยชน์ได้ หรือทำได้แต่ไม่มีผู้สนใจประมูล ขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นตัวแทนประชาชนร่วมกับรัฐบาลในการกำจัดข้าวทั้งหมดที่ค้างอยู่ เพื่อความโปร่งใส และต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ข้าพเจ้าไม่มีความรู้เรื่องอำนาจหน้าที่ของสภาองค์กรของผู้บริโภคมากนัก ข้าพเจ้าขออภัยหากร้องขอท่านเลขาธิการมากเกินไป หวังว่าท่านจะเข้าใจเจตนารมณ์และความกังวลใจของข้าพเจ้าและประชาชนในขณะนี้ และได้โปรดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามสมควร
ได้โปรดตอบแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบถึงการดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง