เปิดโฉมว่าที่ รมต.ป้ายแดง ครม.”เศรษฐา2″ เต็งหนึ่งมาแรงมีชื่อติดโผตลอด “พิชัย ชุณหวชิร” ผงาดนั่งเก้าอี้รมว.คลัง ตามด้วย “เผาภูมิ-จิราพร” จากเพื่อไทย และ “อนันต์ ผลอำนวย” จาก พลังประชารัฐ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ระบุเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ถึงเรื่องการ “ปรับ ครม.” ว่า “เมื่อไหร่เหมาะสม ผมปรับ พวกท่านทราบเอง”
เมื่อถามโผยังไม่นิ่ง ตอนนี้แกว่งอยู่หรือไม่ นายกฯ หัวเราะ ก่อนจะตอบ “ไม่มีแกว่ง ทุกอย่างนิ่งแล้วครับ เป็นไปตามที่ผมบอก ไปว่าถึงเวลาปรับเดี๋ยวก็จะปรับ” เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าไทม์ไลน์ตอนนี้ยังไม่เหมาะสมใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “เปล่า ผมไม่ได้บอกอย่างนั้น แต่บอกว่าถึงเวลาปรับก็จะปรับ”
จากคำพูดของนายกฯ จับประเด็นได้ว่า เรื่องการ “ปรับ ครม.” นิ่งแล้ว นั่นหมายความว่า รายชื่อรัฐมนตรีที่จะมีการปรับ นายกฯ รู้หมดแล้วว่า ใครจะเข้ามาดำรงตำแหน่งอะไร ทำให้คาดหมายได้ว่าการ “ปรับ ครม.” อาจจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ก็เป็นไปได้
ขณะเดียวกัน ก็เริ่มภาพปรากฏชัดเจนว่า ใครบ้างที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ หรือ “รมต.ป้ายแดง” ใน “รัฐบาลเศรษฐา 2”
“พิชัย”รองนายกฯ ควบคลัง
เริ่มจาก พิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐตรี ควบ รมว.คลัง ในโควต้าพรรคเพื่อไทย
สำหรับ พิชัย ชุณหวชิร ได้รับการคัดเลือกให้เป็น ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา
พิชัย ชุณหวชิร เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2492 ปัจจุบันอายุ 75 ปี
ประวัติการศึกษา : จบปริญญาโท Business Administration, Indiana University of Pennsylvania ประเทศสหรัฐอเมริกา, ปริญญาตรี การบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ บริหารการเงิน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ประวัติการทำงาน อาทิ ประธานกรรมการและกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) , ประธานกรรมการ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย, กรรมการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) , ประธานกรรมการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ,ประธานกรรมการ บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด, กรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
กรรมการ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), กรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), กรรมการ บริษัท ไทยออยล์ เพาเวอร์ จำกัด, กรรมการ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน),กรรมการ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ,กรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
“เผ่าภูมิ-จิราพร”ว่าที่รมต.
นอกจากนั้น รัฐมนตรีหน้าใหม่ ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ยังปรากฏว่า มีชื่อของ เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง และ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ซึ่งมีรายงานว่า ทั้งสองคนได้เข้าไปรับแบบฟอร์มเพื่อนำไปกรอกประวัติเป็นรัฐมนตรีแล้ว
เผ่าภูมิ โรจนสกุล เกิดเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2526 ปัจจุบันอายุ 41 ปี
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นได้ไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทใบที่ 1 จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ บอสตัน, ปริญญาโทใบที่ 2 และ ปริญญาเอก จากคณะเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอิลลินอย ชิคาโก
หลังจบการศึกษาจากต่างประเทศ เผ่าภูมิ ได้เข้ารับราชการที่สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เป็นระยะเวลา 1 ปีเศษ แต่พบปัญหาในการผลักดันนโยบายภายในองค์กร จึงลาออก
ต่อมาได้รับการชักชวนให้เข้ามาทำงานการเมืองในพรรคเพื่อไทย โดยเข้ามาเป็นทีมงานของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ตั้งแต่สมัยเป็นเลขาธิการพรรค ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนเกิดรัฐประหารในประเทศไทย ปี 2557
จากนั้นในปี 2561 ได้รับเลือกให้เป็นรองเลขาธิการพรรค และดำรงตำแหน่งนี้ติดต่อกัน 4 สมัย ก่อนขยับขึ้นเป็น รองหัวหน้าพรรค ในปี 2566 ทั้งเคยเป็นผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย
กรรมการและเลขานุการกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย, ประธานกรรมการนโยบายด้านแรงงานพรรคเพื่อไทย, เลขาธิการคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน (ฝ่ายค้านเพื่อประชาชน), กรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย
ในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2562 เผ่าภูมิ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 33 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีจำนวน ส.ส. มากกว่าจำนวน ส.ส. พึงมี
ต่อมาในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2566 เผ่าภูมิ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่ออีกครั้ง ในลำดับที่ 89 ซึ่งไม่ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง
ต่อมาเมื่อ 12 ก.ย. 2566 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบแต่งตั้งให้ เป็นเลขานุการ รมว. คลัง (เศรษฐา ทวีสิน)
เผ่าภูมิ เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ผลักดันนโยบายโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ประวัติ“จิราพร สินธุไพร”
สำหรับ จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหนึ่งที่ติดโผ รมต.ป้ายแดงนั้น เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2530 ที่ ต.หนองทัพไทย อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ปัจจุบันอายุ 36 ปี ย่าง 37
เป็นบุตรสาวคนโตของ นิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ กับ เอมอร สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย มีน้องสาว 1 คน คือ ชญาภา สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 8
จิราพร สินธุไพร จบการศึกษาจากโรงเรียนยโสธรพิทยาคม จ.ยโสธร ก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปลาย ที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์บัณฑิต จาก ม.อัสสัมชัญ, ปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จาก ม.รามคำแหง ปริญญาโทใบที่สอง Master of Science (International Business) University of Reading ประเทศอังกฤษ เเละขณะนี้กำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
ก่อนเข้าสู่วงการการเมือง จิราพร สินธุไพร เคยทำงานเป็นนักวิชาการพาณิชย์ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อ 24 มี.ค. 2562 ในเขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดร้อยเอ็ด สังกัดพรรคเพื่อไทย และได้รับเลือกตั้งครั้งแรก โดยมีคะแนนสูงเป็นอันดับที่ 1 ของร้อยเอ็ด ได้ 58,842 คะแนน
ต่อมา จิราพร สินธุไพร ได้รับแต่งตั้ง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ ยังรั้งตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการการชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, รองประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาความคุ้มค่าและประสิทธิผลการส่งเสริมการลงทุนต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวฝั่งอันดามันสู่อ่าวไทย, ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องข้าว, เลขานุการกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทยคิวบา และ กรรมการกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทยเอสโตเนีย
ในการเลือกตั้ง ปี 2566 จิราพร ลงสมัคร และชนะการเลือกตั้ง ได้รับคะแนนเสียง 61,288 คะแนน สูงที่สุดในประเทศ
“อนันต์ ผลอำนวย”ติดโผรมต.
สำหรับในส่วนของ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งมีโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีว่างอยู่ 1 ที่นั่ง จากเดิมมีชื่อ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 1 จะได้เป็นรัฐมนตรีนั้น
ล่าสุด บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้หารือเป็นการภายใน และมีมติส่งรายชื่อ นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร เขต 3 ให้ขึ้นเป็นเป็นรัฐมนตรี ในตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วย” ในโควต้าของพรรค
โดยที่ นายไผ่ ลิกค์ ก็ยินยอม ไม่ได้มีปัญหาอะไร ขอเพียงให้ ส.ส.กำแพงเพชร ได้เป็นรัฐมนตรี
นี่คือบางส่วนของโฉมหน้ารัฐมนตรีป้ายแดง ที่มีรายชื่อติดโผ มารอดูกันว่า ในที่สุดแล้วทั้งหมดจะได้เป็นรัฐมนตรีหมดหรือไม่ หรือมีใครหลุดไปบ้างหรือไม่….เป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่ต้องติดตามด้วยใจระทึก!