“จักรภพ”ถูกตร.รวบทันที คดีอาวุธปืน ก่อนได้ประกันตัว รับมีการพูดคุยกันจริง

ตำรวจกองปราบอนุญาตให้ประกันตัว”จักรภพ เพ็ญแข” ด้วยเงินสด 4 แสนบาท ด้านเจ้าตัวรับมีการพูดคุยกันก่อนตัดสินใจกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เผยเสียดายเวลา 15 ปี ที่ไม่ได้รับใช้ประเทศชาติ

วันที่ 28 ม.ค.2567 ที่ กองปราบปราม เวลา 13.00 น. ภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนสอบปากคำ นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ให้ทนายความส่วนตัวยื่นประกันตัวทั้ง 2 คดี โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสด คดีละ 2 แสนบาท รวมเป็นเงิน 4 แสนบาท ก่อนที่ทางพนักงานสอบสวนจะพิจารณาให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยนัดหมายมาเข้าพบอีกครั้งในวันที่ 22 กับ 23 เม.ย. 2567 ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ทันที ที่นายจักรภพ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ได้ก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี บริเวณชั้น 1 อาคารประชาอารักษ์นายจักรภพ กล่าวว่า วันนี้ได้กลับมายังประเทศไทยเพื่อสู้คดีที่เหลืออยู่ทั้ง2 คดี ซึ่งเป็นคดีอาวุธทั้ง 2 คดี แบ่งเป็นคดีที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 คดี และศาลอาญากรุงเทพอีก 1 คดี โดย ก่อนหน้าที่จะมาในวันนี้นั้นได้มีการประสานกับทนายความและประสานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาบ้างแล้ว ทำให้วันนี้นั้นราบรื่น และสิ่งที่ประจำประทับใจมากในวันนี้คือ การอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่นั้น เป็นไปอย่างครบถ้วนทำให้ตน และลูกศิษย์สามารถตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนทั่วไปอาจจะคุ้นเคยกันแล้วแต่สำหรับตนถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นมาก จึงทำให้มีความมั่นใจสู้คดีได้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับขบวนการยุติธรรม

“15 ปีที่ผมลี้ภัยไปต่างประเทศนั้นรู้สึกเสียดายเวลา ที่ไม่ได้รับใช้ประเทศชาติ เพราะฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไปคิดว่าสิ่งไหนที่ทำได้ก็อยากจะทำ ซึ่งวิถีทางการเมืองนั้นก็เป็นเส้นทางหนึ่ง หรือการทำงานต่าง ๆ ในบทบาทของต่างประเทศก็จะรับ ซึ่งหากผลจากเรื่องคดีความแล้วผมจะขอทำตัวให้มีประโยชน์ต่อชาติ ในเวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตนี้”นายจักรภพ กล่าว

ด้าน นายโชคชัย ทนายความกล่าวว่า ส่วนในเรื่องของการประกันตัวนั้น นายจักรภพ ได้รับการประกันตัว โดยไม่มีเงื่อนไขอะไร โดยวางวงเงินไว้คดีละ 200,000 บาท 2 คดีรวมเป็น 400,000 บาท ซึ่งนายจักรภพนั้นได้ปฏิเสธทั้ง 2 ข้อกล่าวหา ส่วนการให้การเพิ่มเติมนั้นจะให้การในภายหลัง ซึ่งได้มีการนัดเข้าให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 22 และ 23 เมษายนนี้ส่วนประเด็นที่ว่ามีการตกลงกันจึงทำให้สามารถเดินทางกลับประเทศได้นั้น นายจักรภพ กล่าวว่า ทุกอย่างที่มาถึงในวันนี้นั้นไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการพูดคุย การคุยกันในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการแลกเปลี่ยนอะไรกัน เป็นเพียงการพูดคุยกันว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหาจุดร่วมแทนที่จะหาจุดต่าง ประเด็นสำคัญคือตนมองว่าการเมืองในภาพใหญ่สุดนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จึงนำมาสู่วันนี้

นายจักรภพ กล่าวอีกว่า ตนเพียงกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรมซึ่งตนเชื่อ เชื่อในขบวนการดังกล่าวว่ามีความถูกต้อง ตนเองนั้นมีคดีตั้งแต่ปี 49 มาจนถึงเกือบ 10 คดี ซึ่งได้มีการต่อสู้มาโดยตลอด โดยมีคดีที่หมดอายุความไปบ้าง ศาลสั่งไม่ฟ้องหรือหมดอายุความไปบ้าง เช่นคดีม.112 ศาลก็ได้มีการสั่งยกฟ้องไป เมื่อเดือน ก.ย. 54

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกระบวนการทางคดีจบสิ้นเรียบร้อยแล้วหากได้รับการทาบทามจากรัฐบาล ให้เข้าช่วยงานยินดีหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ตนยินดี แต่การเข้าไปช่วยนั้นจะต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ภายในพรรคเดียวกันหรือพรรคใดก็ตาม

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าได้มีการติดต่อกับนายทักษิณ ชินวัตรบ้างหรือไม่ นายจักรภพ ยอมรับว่า มีการติดต่อคุยกันทางโทรศัพท์เพียงหนึ่งครั้งโดยมีการสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง และบรรยากาศโดยรวมเป็นอย่างไร แต่ตนรู้ดีว่าต่างคนก็ต้องต่างทำการบ้านในส่วนของตนซึ่งทั้งตนและนายทักษิณนั้นก็มีคดีความทางการเมืองเช่นเดียวกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำ นายจักรภพ เบื้องเจ้าตัวให้การปฏิเสธ ทั้ง 2 คดี โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ตรวจพบในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อีกทั้งในช่วงที่เกิดเรื่องยังใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศกัมพูชา จึงมั่นใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนแต่อย่างใด