“ทวี สอดส่อง” ไม่รู้ “ทักษิณ ชินวัตร” เยือนพรรคเพื่อไทย ชี้หากไม่ขัดเงื่อนไขพักโทษทำได้ กกต.จับตา ขอดูข้อกฎหมายทำได้หรือไม่ “เรืองไกร” ชี้ หากแทรกแซง ข้อหาหนัก ถึงขั้นยุบพรรค
วันที่ 26 มี.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนากรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ เตรียมเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งจะเป็นการพบปะสมาชิกพรรคพท. อย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายทักษิณในรอบ17ปี
ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าว นายทักษิณ ชินวัตร จะเข้าไปที่พรรคเพื่อไทยว่า ตนเองไม่ได้ติดตามข่าว หากไม่ติดเงื่อนไขการพักโทษของกรมคุมประพฤติก็สามารถทำได้ เนื่องจากยังถือว่ามีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ส่วนจะเป็นการครอบงำพรรคหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของการเมือง
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณี มีคนสงสัยว่า สุ่มเสี่ยงมีปัญหาผิดกฎหมายใดหรือไม่ กกต.มีข้อสังเกตหรือจะติดตามอย่างไรหรือไม่ ว่า ยังไม่ได้ดูข่าว แต่คาดว่า กกต.กทม. อาจจะไปติดตามดู พร้อมถามกลับว่าเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับอะไร ตนไม่ทราบ ซึ่งต้องขอดูกฎหมายก่อน แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองทุกคนคงไปได้ แต่หากไปทำอะไรที่เกินกฎหมายก็ต้องไปดูว่าไปทำอะไร หรือเป็นอะไรต้องไปดูตรงนั้นมากกว่า แต่ก็ต้องให้ข้อเท็จจริงปรากฏก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าจะจับตาดูกรณีที่นายทักษิณ เตรียมเดินทางไปที่ทำการพรรคเพื่อไทยเพื่อพบปะกับสมาชิกพรรควันพรุ่งนี้ ซึ่งหลังจากนายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทยก็มีการจับตาดูอยู่จากหลายฝ่าย แต่คงไม่มีประเด็นอะไรมากมายเพราะเป็นเจ้าของพรรคเก่า แต่คงเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง ดังที่เกิดขึ้นเสมอๆ เช่นตอนที่เดินทางไป จ.เชียงใหม่ แล้วนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และบุคคลอื่นๆ เดินทางไปพบ รวมถึงการเดินทางไปตัดผมเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็เป็นประเด็นทางการเมือง แต่จะมีเรื่องอะไรหรือไม่ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน
นายเรืองไกร เชื่อว่านายทักษิณคงไม่เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการประชุมพรรคเพื่อไทย เพราะถ้าทำเช่นนั้นพรรคก็จะถูกจับตามองอีกครั้ง และสถานะของนายทักษิณไม่น่าจะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ถ้าไปแล้วไปพูดในฐานะ ทั่วๆ ไปไม่ได้ก้าวก่าย แทรกแซงการบริหารของพรรคการเมืองที่ลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องเป็นข่าวอยู่แล้วซึ่งลูกสาวท่านต้องระมัดระวัง
ส่วนจะมีกฎหมายข้อใดที่เปิดช่องให้ร้องเรียนได้หรือไม่นั้นนายเรืองไกรกล่าวว่า ต้องดูประเด็นข้อเท็จจริงก่อนเพราะ ตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 28 และ 29 ที่ระบุเกี่ยวข้องกับให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้าไปก้าวก่าย การทำงานของพรรคการเมือง ตามมาตรา 28 ที่ไปถึงข้อหายุบพรรคได้ ส่วนมาตรา 29 เป็นเรื่องเกี่ยวกับโทษบุคคลที่ไปแทรกแซง แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีข้อเท็จจริงไปถึงขนาดนั้น