“จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์” ยืนยัน แจกแน่ดิจิทัลวอลเล็ต ไตรมาส 4 ได้ทั้ง 50 ล้านคน เล็งเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียน นัดบอร์ดถก 27 มี.ค. ก่อนเคาะ 10 เม.ย. ชงเข้าครม.เดินหน้าต่อ
วันที่ 25 มี.ค. 2567 เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าโครงการนี้อย่างแน่นอน โดยในวันที่ 27 มี.ค.2567 จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ครั้งล่าสุด ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการ ไปตรวจสอบความจริงมาตรการ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 100 แห่ง ทั้งภาครัฐ ประชาชน หอการค้า กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ส่งคำตอบ และทยอยดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ ทำให้กำหนดเวลาโครงการ (ไทม์ไลน์) มีความชัดเจนมากขึ้น ก็จะมีการเสนอรายละเอียดเบื้องต้นเข้าที่ประชุม
รวมทั้ง จะมีการนำเสนอรายงานข้อเท็จจริง ตามข้อเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ป.ป.ช. ก็จะมีการรายงานเข้าที่ประชุมอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวงการคลัง จะเสนอประเด็นปัญหา และข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อหากลไกเดินหน้าโครงการด้วย
“หลังวันที่ 27 มี.ค. กระบวนการดำเนินการต่าง ๆ จะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนงานต่าง ๆ ก็จะไปดำเนินการตามข้อกฎหมาย และจะมีการประชุมคณะกรรมการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ชุดใหญ่ อีกครั้งในวันที่ 10 เม.ย. เพื่อสรุปรายละเอียดโครงการทั้งหมดเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป”
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เบื้องต้น ภายในไตรมาส 3/2567 จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้า และ ประชาชนเพื่อเข้าร่วมโครงการ จากนั้นไตรมาส 4/2567 หรือช่วง ต.ค.-ธ.ค.2567 รัฐบาลจะเริ่มเติมเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนผ่านโครงการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันโครงการนี้ จะไม่มีการกู้เงินหรือไม่ รมช.คลัง ตอบว่า ไม่ได้พูดแบบนั้น ขอให้รอดูคณะกรรมการชุดใหญ่ประชุม ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลจะมีเงินงบประมาณมาใช้สำหรับโครงการแน่นอน ขณะที่เงื่อนไขต่างๆ ในโครงการยังไม่มีการปรับเปลี่ยนประชาชน 50 ล้านคนจะได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ตเหมือนเดิม
“เราไม่มาถกเถียงกันแล้วว่าเศรษฐกิจในวันนี้วิกฤตหรือไม่ แต่จากสภาพเศรษฐกิจขณะนี้และการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนค่อนข้างเห็นตรงกันว่าควรที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการขยายตัว นายจุลพันธ์ กล่าว และ มั่นใจว่าการดำเนินนโยบายยังอยู่ในกรอบกฎหมาย ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ข้อสรุปและข้อสนับสนุนอย่างครบถ้วน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเดินหน้าโครงการได้โดยไม่ติดขัดอะไร