ไว้ทุกข์ทั่วรัสเซีย ดับพุ่ง133 ‘ปูติน’ กร้าวล้างแค้น ชี้ ผู้ก่อเหตุถูกจับขณะไปยูเครน

จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายบุกโจมตีครอคัส ซิตี้ฮอลล์ สถานที่จัดคอนเสิร์ตและที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชานกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ได้เพิ่มขึ้นเป็น 133 รายแล้ว และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 140 คน

ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซียได้ทำการปราศรัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โดยประณามการสังหารหมู่ครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำอันป่าเถื่อนของผู้ก่อการร้าย และสาบานว่าจะลงโทษผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดย ชี้ว่า ศัตรูคือผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศและเขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกประเทศที่ต้องการเอาชนะมัน

“ผู้กระทำผิด ผู้เตรียมการ และผู้สั่งการที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมนี้ทั้งหมดจะถูกลงโทษอย่างเลี่ยงไม่พ้น ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร และใครก็ตามที่ชี้แนะพวกมัน เราจะระบุตัวตนและลงโทษทุกคนที่ยืนอยู่หลังผู้ก่อการร้าย ซึ่งเตรียมการในการกระทำอันโหดร้ายนี้ ด้วยการโจมตีต่อรัสเซียและต่อประชาชนของเรา” ปูตินกล่าว

ปูตินยังย้ำข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคงรัสเซียที่มีการเผยแพร่มาก่อนหน้านี้ว่า คนร้ายถูกจับกุมขณะพยายามหลบหนีไปยังยูเครนว่า มีผู้ถูกควบคุมตัว 11 คนซึ่งรวมทั้งมือปืน 4 คน โดยพวกมันพยายามซ่อนตัวและเคลื่อนที่ไปทางยูเครน ซึ่งตามข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าได้มีการเตรียมที่จะให้คนเหล่านี้เดินทางข้ามพรมแดนเข้าไป และยังได้ประกาศให้วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม เป็นวันไว้ทุกข์ทั่วประเทศ และได้มีการประกาศยกเลิกงานที่จะจัดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ทั่วรัสเซียอีกด้วย

ด้าน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ออกมากล่าวหาปูตินว่าพยายามจะกล่าวโทษยูเครนในเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น “ปูตินผู้ไร้ค่าคนนี้ แทนที่จะจัดการกับพลเมืองชาวรัสเซียของเขา แต่กลับเงียบไปหนึ่งวัน และคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะยัดเยียดเรื่องนี้ให้กับยูเครน” เซเลนสกีกล่าว

สำนักข่าว Amaq ของกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้แชร์ภาพชายสวมหน้ากาก 4 คนที่พวกเขาอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าวผ่านทางเทเลแกรม แต่รัสเซียไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการกล่าวอ้างของไอเอสว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุโจมตี

เอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐออกมายืนยันว่า ยูเครนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีเพียงไอเอสที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ทำเนียบขาวระบุว่าสหรัฐได้แบ่งปันข้อมูลกับรัสเซียเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับการวางแผนโจมตีในกรุงมอสโก และได้ทำการแจ้งเตือนชาวอเมริกันในรัสเซียเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา

เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการก่อการร้ายที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบเกือบ 20 ปีของรัสเซีย โดยสำนักข่าวทาสส์รายงานว่าประมาณ 1 ใน 3 ของอาคารถูกไฟไหม้ และยังมีเหตุระเบิดซึ่งทำให้กระจกที่ชั้นบนสุดของโครงสร้างอาคารแตกละเอียด

ด้านคณะกรรมการสืบสวนของรัสเซียระบุว่าคนร้ายได้ใช้ของเหลวไวไฟจุดไฟเผาส่วนต่างๆ ของคอนเสิร์ตฮอลล์ ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีสาเหตุจากบาดแผลที่ถูกกระสุนปืนรวมถึงได้รับพิษที่เกิดการเผาไหม้

เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการตั้งอนุสรณ์สถานชั่วคราวขึ้นด้านหน้าของสถานที่เกิดเหตุ โดยชาวมอสโกได้พากันไปจุดเทียนและวางดอกไม้เพื่อไว้อาลัย ขณะที่อีกหลายคนพากันไปเข้าคิวเพื่อบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว