“ทักษิณ ชินวัตร” หอบลูกหลานเข้าเที่ยวชมเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ก่อนกลับ กทม. โดยโครงการพัฒนาที่ริเริ่มไว้สมัยเป็นนายกฯ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อื้อฉาว “ปลอดประสพ สุรสวดี” อดีตผู้บริหารโครงการนำทีมต้อนรับ
วันที่ 16 มี.ค. 2567 เวลา 10.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ พร้อมลูกๆ และหลานๆ เดินทางถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเข้าเที่ยวชมโครงการที่ตัวเองเป็นผู้ริเริ่มสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นโครงการที่มีปัญหาถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมาย (อ่าน “เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี”โครงการนี้มีแต่ปัญหา!!!) โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งสมัยนั้นได้รับมอบหมายจากนายทักษิณให้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ พร้อมผู้บริหารและพนักงานเชียงใหม่รอให้การต้อนรับทั้งนี้การเข้าเที่ยวชมเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในครั้งนี้ของนายทักษิณ ถือเป็นการกลับมาเยือนสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี หลังจากที่เมื่อสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายทักษิณ เคยนำคณะรัฐมนตรีประชุม ครม.นอกสถานที่ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เมื่อ ก.พ.2549 ขณะที่ในครั้งนี้เป็นการเดินทางเข้าชมเป็นการส่วนตัวพร้อมลูกหลานและครอบครัวโดยภายหลังเข้าชมเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแล้ว นายทักษิณ พร้อมครอบครัว จะเดินทางต่อไปที่ร้านลำดีตี้ขัวแดง ติดกับมหาวิทยาลัยพายัพ เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และเสร็จแล้วจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการ” เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” เกิดขึ้นจากแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ มุ่งหวังจะให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ด้วยเงินลงทุน 1,155.9 ล้านบาท วางเป้าหมายให้สัตว์กลางคืนจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวต่างประเทศให้เข้ามาเที่ยวและพักค้างคืนในจังหวัดเชียงใหม่มากยิ่งขึ้น นั่นย่อมหมายถึงเม็ดเงินที่จะนำมาจับจ่ายใช้สอยในเมืองเหนือแห่งนี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน ประมาณการกันว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 230 ล้านบาทต่อปี และมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า3,000,000 ล้านคนต่อปี แต่พื้นที่ที่จะนำมาใช้ในการเนรมิตโครงการเชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารีนั้นมาจากพื้นที่กว่า 819ไร่ของอุทยานสุเทพ-ปุย ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของพ.ร.บ.2504 ตรงจุดนี้เองที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นความไม่ถูกต้องของการนำผืนป่าซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติมาให้หาผลประโยชน์นายนิคม พุทธา ผู้จัดการมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สาขาภาคเหนือ ให้ความเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่ เรียกว่า องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.)โดยทำให้เป็นองค์กรมหาชน แล้วเอาโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเดิมอยู่ภายใต้การบริหารของกระทรวงทรัพยากร ดึงเอาไปอยู่ภายใต้การบริหารของ อพท. ซึ่งทำให้จัดการอะไรได้ง่ายขึ้น หมายความว่าเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในพื้นที่อุทยานซึ่งเป็นสมบัติของคนทั้งชาติ.