‘จตุพร พรหมพันธุ์’ฟันธง! พรรค’ก้าวไกล’รอดยาก หลัง กกต.ชงศาลรธน.ให้ยุบพรรค และ ตัดสิทธิทางการเมืองของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ กก.บห. แนะ เตรียมคิดถึงอนาคต ตั้งพรรคการเมืองที่มีจุดยืนใหม่
วันที่ 14 มีนาคม 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก “Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์” ระบุว่า โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบมีแนวโน้มสูง เพราะศาล รธน.วินิจฉัยคดีมาก่อนหน้านี้แล้วว่า การเสนอแก้ ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ดังนั้น การต่อสู้เพื่อให้พรรครอดจึงมีเพียง 1 % เท่านั้น
อีกทั้งมั่นใจว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นศาล รธน.ให้ยุบพรรคข้อหาล้มล้างการปกครอง โดยใช้ข้อมูลหลักฐานจากคำวินิจฉัยของ ศาล รธน.เอง ดังนั้น จึงไม่ต้องแสวงหาหลักฐานใหม่มาประกอบอีก
ส่วนพรรคก้าวไกลร้องขอให้ศาล รธน.ไต่สวนคดีนั้น ตนเชื่อว่า คงยากเพราะ การยุบพรรคในอดีตทั้งพรรค พลังประชาชน ชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย ไม่เคยได้สิทธิ์การไต่สวนเลย เพียงแค่ให้แต่ละพรรคแถลงปิดคดีด้วยน้ำตานองหน้ากันเป็นทิวแถว
ดังนั้น ถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบจริง คงทำให้ สส.ของพรรคจำนวนหนึ่ง ย้ายแยกไปสังกัดพรรคอื่น ซึ่งไม่แตกต่างจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเช่นกัน และขณะนี้มีการพูดคุยให้ย้ายมาสังกัดพรรคฝ่ายรัฐบาลแล้ว ดังนั้น ต้องรอดดูว่า สส.ตีจากพรรคก้าวไกลจะได้รับเลือกกลับเข้าสภาหรือไม่ แต่บทเรียนบอกแล้วว่า ทุกคนที่จากไปไม่ได้รับเลือกเลยสักรายเดียวเมื่อปี 66
“การที่พรรคการเมืองจะสิ้นสูญไปนั้น ไม่ได้อยู่ที่การยุบพรรค แต่อยู่ที่จุดยืนของพรรคนั้น ช่วงไทยรักไทยถูกยุบอุดมการณ์ย้ายไปอยู่พลังประชาชนยังไม่แปลเปลี่ยน เพราะเป็นจุดยืนประชาธิปไตย แล้วไปต่อเนื่องสู่พรรคเพื่อไทย ดังนั้นผลการเลือกตั้งจึงได้ถึง 256 เสียงท่ามกลางกระแสเสื้อแดงบาดเจ็บ ล้มตายจำนวนมาก”
ส่วนการเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา เสียงของพรรคเพื่อไทยหายไป เพราะเกิดจากจุดยืนทางการเมืองที่ไม่ชัดเจนว่าจะจับมือกับพรรคใด ฝ่ายไหนตั้งรัฐบาล อีกอย่างยังไม่ตอบหรือให้คำยืนยันจะจับมือกับพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติหรือไม่ กระทั่งเกิดกระแสจากพรรคก้าวไกลประกาศว่า “มีลุงไม่มีเรา” จึงทำให้เสียงเพื่อไทยหายไปจำนวนมาก นั่นเป็นเพราะจุดยืนทางการเมืองไม่ชัดเจน
นายจตุพร กล่าวว่า ถึงขณะนี้พรรคก้าวไกลควรต้องคิดถึงอนาคตข้างหน้าในการตั้งพรรคการเมืองที่มีจุดยืนใหม่ รวมทั้งต้องคึดถึงการไม่มี 44 สส.ที่ถูกตัดสิทธิ์การเมืองเมื่อถูกยุบพรรคคดีล้มล้างการปกครองด้วย “ถ้าพรรคก้าวไกลยังยืดมั่นใจจิตวิญญาณนักต่อสู้ที่ไม่อีนังขังขอบ โดยกำหนดเป้าหมายเป็นสำคัญ เรื่องยุบพรรคหรือถูกตัดสิทธิทางการเมืองย่อมไม่เป็นปัญหา และประชาชนจะทำใจได้ในภายหลัง”
ส่วนการยุบพรรคแล้วจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเรื่องวุ่นวายเลย แม้มีประชาชนออกมาต่อสู้ แต่ก้ไม่มากมายนัก ดังนั้น ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชนขาดการมีจิตวิญญาณต่อกันและกัน แต่เป็นเพียงความสัมพันธ์ของนักเลือกตั้งกับผู้เลือกตั้งเท่านั้น จึงไม่มีความผูกพันกันเลย