สัญญาณ ปรับครม. ชี้ชะตา”เศรษฐา”ในอุ้งมือ “ทักษิณ” จุดพลิกเกมการเมือง

เช็กสัญญาณ ปรับครม. ในมุมมมอง นักวิชาการ “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง ม.สวดุสิต ชี้ชะตา “เศรษฐา ทวีสิน” ในอุ้งมือ “ทักษิณ ชินวัตร” จุดพลิกเกมการเมืองไทย

กระแสการปรับครม.เศรษฐา 1 กำลังแรง หลัง ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ อาจเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองไทย ที่ต้องจับตามอง และอาจถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดถึงความเป็นไปได้ หลังถูกฝ่ายค้าน โจมตีว่า ผ่านมาแล้ว6เดือน แทบไม่เห็นผลงานของเศรษฐา ทวีสิน อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากการ “โกอินเตอร์ถี่” และ “ทัวร์ทั่วไทย” ลงพื้นที่ต่างจังหวัดเรียกเรตติ้ง

ก่อนหน้านั้น “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้ปฏิเสธในประเด็นปรับครม. ซ้ำยังบอกว่าจะเห็นความชัดเจน หลังสภาฯ ผ่านความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2567 แต่ผ่านไปแค่ 1 วัน ก็ประกาศจะไม่ขอพูดเรื่องปรับครม.อีกต่อไป เพราะจะยิ่งสร้างความสับสน เป็นเรื่องของนายกฯ จะพิจารณาว่าเห็นสมควรเมื่อใด ก็มีอำนาจทำได้

แล้วความเป็นไปได้ในการปรับครม. มีโอกาสหรือไม่? เป็นคำถามยิงตรงไปยัง “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ก็ได้คำตอบว่า การปรับครม.เป็นสไตล์การทำงาน เป็นสูตรรากฐานของพรรคไทยรักไทยในอดีต และปัจจุบันก็คือพรรคเพื่อไทย แต่ในแง่การปรับครม.ต้องยอมรับว่าเก้าอี้รัฐมนตรี ยังขาดอีก 2 ที่นั่ง ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการทวงถามอยู่ และการปรับ ครม. ก็เป็นการประเมินผลงาน เป็นการสร้างคะแนนนิยม แต่ปัจจุบันพรรคเพื่อไทย แตกต่างจากอดีต ไม่มีเสถียรภาพเหมือนตอนเป็นพรรคไทยรักไทย“จะใช้สูตรเดิมไม่ได้ เพราะมีพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ แต่คิดว่าก็ต้องปรับครม. คาดว่าไม่เกินเดือนเม.ย.หรือ พ.ค. เป็นการส่งสัญญาณให้ตัวรัฐมนตรีใน ครม.ได้ทราบว่า ต้องเตรียมพร้อม โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่โลกลืม ไม่มีคนรู้จัก ต้องเตรียมถอยแล้ว”

ส่วนประเด็นการปรับ ครม.จะนำไปสู่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี คิดว่าวันนี้ยังไม่ถึงเวลา ถามว่ามีโอกาสเปลี่ยนหรือไม่ ก็มีโอกาส แต่คงไม่ใช่อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ เพราะต้องได้รับการยอมรับจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่สามารถใช้เสียงข้างมากลากไปคงไม่ได้ รวมถึงการเป็นรัฐมนตรีฝีมือต้องถึง เป็นที่ยอมรับในสส.ฟากฝ่ายรัฐบาลด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทย ไม่มีเสถียรภาพ และตัวเศรษฐา ก็เป็นนายกรัฐมนตรี แบบไม่เบ็ดเสร็จในอำนาจในการควบคุมคนในพรรคเพื่อไทย และคุม ครม.ก็ไม่ได้

สิ่งที่เห็นได้ชัดจะเห็น ครม.ต่างคนต่างทำงาน แสดงให้เห็นการไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ขณะที่กรณีทักษิณ ก็ถือเป็นตัวแปรสำคัญ มีนัยที่ซ่อนอยู่จากการกลับมา อย่างไรแล้วพรรคเพื่อไทยต้องเป็นรัฐบาลจนกว่าทักษิณจะถอดโซ่ตรวนมีอิสรภาพเสียก่อน เพราะฉะนั้นเมื่อเสรีภาพของทักษิณยังไม่ปลดล็อก จึงเป็นรัฐบาลผสมแบบไม่มีเสถียรภาพ เหมือนอยู่ๆ ไปอย่างนั้น เพราะพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่มีเสถียรภาพเช่นเดียวกัน“วันนี้ไม่เคยเห็นเศรษฐา สามารถคุมอะไรได้เลย เพราะทุกอย่างอยู่ที่จันทร์ส่องหล้า ส่วนอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร คงไม่เป็นนายกฯ อาจปล่อยให้เศรษฐา เป็นไปก่อนจะดีกว่า และจะสังเกตว่ารัฐบาลทำงานในเชิงลงพื้นที่ แต่ในเชิงโครงสร้างไม่มีเลย ทำเหมือนเป็นผู้ว่าซีอีโอ ไม่เหมือนทักษิณ ถ้าเป็นทักษิณก็สามารถคุมได้ เพราะตัวจริง ไม่ได้ลงมาเล่นเอง”

หากประเมินการปรับครม.คิดว่าประมาณเดือน เม.ย.หรือ พ.ค.ไม่เกินนั้น ทำให้ตอนนี้มีการเคาะส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาล อย่างน้อยปรับ ครม. 2 ที่นั่ง มีการเคลียร์ตำแหน่งให้พิชิต ชื่นบาน และไผ่ ลิกค์ ได้เป็นรัฐมนตรี คาดว่าเป็นการปรับเล็กอาจเพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น เพื่อซื้อเวลาเป็นอีก 6 เดือน เพื่อให้ทักษิณปลดล็อกเรื่องมาตรา 112 จากนั้นพรรคเพื่อไทย จะมีการทำงานเชิงรุกมากขึ้น และมีบทบาทในเชิงเสถียรภาพ หลังจากทักษิณจัดการเรื่องคดีความ และจะปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น ซึ่งตอนนี้เป็นเพียงช่วงเวลาประคับประคองจะออกแอ็กชันไม่ได้ จนกว่าทักษิณจะพ้นพันธนาการ

อีกทั้งเสียงของพรรคเพื่อไทย ไม่มีเสถียรภาพ ก็ต้องยอมพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายค้านก็ไม่มีอะไรโดดเด่น หากเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นฝ่ายค้านในอดีต ถือว่าคนละทาง และปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่มีเอกภาพ กลายเป็นว่าฝ่ายค้านเองก็ไม่ลงรอยกัน ทำให้รัฐบาลจะมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น คิดว่าจะอยู่ยาวจนครบวาระ เพราะทักษิณจะมีวิธีเล่นอยู่แล้ว สามารถคุยกับอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้อย่างสบาย แต่อย่างไรแล้วตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องมาจากพรรคเพื่อไทยนั่นหมายความว่าเศรษฐา จะอยู่ยาวในการเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้เงาทักษิณ ก็คิดว่าขณะนี้เศรษฐาพยายามปรับตัว ในการพูดจาเริ่มเป็นมากขึ้น และลงพื้นที่มากขึ้น เพราะไม่มีผลงานเชิงประจักษ์ ขณะที่ดิจิทัลวอลเล็ต ต้องยอมรับว่าจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมการเมือง แต่อย่างไรแล้วทักษิณก็จะไม่ยอมปล่อยโควตารัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เพราะดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะเศรษฐา แต่เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย จะต้องรับผิดชอบกันทั้งพรรค ส่วนจะเป็นเหตุผลในการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ก็ทำได้ หากมีนายกรัฐมนตรีที่สุกงอมแล้ว แต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นใคร

“ดิจิทัลวอลเล็ต ก็ยังจะถูกโจมตีอยู่เรื่อยๆ อย่างแน่นอน เมื่อรัฐบาลพยายามจะแจกเงิน ก็ควรแจกเงินในคนบางกลุ่มเท่านั้น ตรงนี้จะเป็นทางออก ต้องปรับวิธีการคิด ไม่ใช่แจกหมด และต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้วิกฤติ ควรนำเงินไปแจกกลุ่มคนที่ต้องการจริงๆ จะดีกว่า ถ้าเปิดให้คนไทยแสดงความจำนง ก็คงมีคนออกมาระบุไม่ขอรับเงินก็ได้”

ทั้งหมดเป็นมุมมองของนักวิชาการด้านการเมือง โดยตรง มั่นใจว่า การปรับ ครม.จะเกิดขึ้นแน่นอนในเร็ววันนี่!!!