นายกฯ หารือ ตลท. เร่งสร้างตลาดทุนในภูมิภาค เพื่อเป็น Wall Street ของอาเซียน ทีมโฆษก พท. ตั้งโต๊ะแถลง “เศรษฐา” ปรึกษาอดีตนายกฯ เป็นเรื่องดี ดับข่าว นายกฯ 2 คน หลังพบ “ทักษิณ”
วันที่ 26 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แบะ รมว.คลัง โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เศรษฐา ทวีสิน – Settha Thavisin ระบุว่า…
เพื่อก้าวสู่อันดับ 1 ของภูมิภาค ตามที่ได้ประกาศบนเวที IGNITE Thailand วันนี้ ผมมาหารือกับ คุณพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคุณคมกฤช เกียรติดุริยกุล กรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อ
1. ติดตามความคืบหน้าของมาตรการกำกับดูแลเรื่อง Short Sale และ Program Trading ให้โปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
2. เร่งรัดประเด็น Financial และ Digital Asset Hub และการเป็นศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้เกิดโดยเร็ว
3. มอบนโยบายให้ตลาดหลักทรัพย์ทำงานหนัก (hard working) และมีความมุ่งมั่น ปรารถนา (Ambition) ให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็น Regional Hub ของตลาดทุนในภูมิภาคนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อม และศักยภาพไปสู่จุดมุ่งหมาย เพียงแต่เราต้องพัฒนาให้ประเทศหลุดจากข้อจำกัด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็น “ตัวเลือกที่ดีที่สุด” และเป็น Wall Street ของอาเซียนครับ
ด้าน น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน เข้าพบ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.67 และถูกเปรียบเปรยว่ามี นายกรัฐมนตรี 2 คน 3 คน ว่า นายเศรษฐา เป็นผู้ที่เปิดกว้างรับฟังความเห็นที่หลากหลาย นอกจากการลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศด้วยตัวเองแล้ว นายเศรษฐ ายังได้พบปะพูดคุยกับอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน ซึ่งแม้ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยหลายประเทศ เช่นในสหรัฐอเมริกา ในปี 2553 นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เข้าพบนายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อปรึกษาหารือถึงมาตรการทางเศรษฐกิจ หรือในปี 2532 นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช หารือกับ นายจิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวกับสถานการณ์การเลือกตั้งระดับชาติในสาธารณรัฐปานามา ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหาก นายเศรษฐาจะมีการพูดคุยปรึกษา ดร.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย และมีผลงานการบริหารประเทศที่เป็นคุณูปการต่อประเทศมากมาย ประสบการณ์ความรู้ ความสามารถเป็นที่ประจักษ์รับรู้ทั้งในไทยและทั่วโลก
นางสาวชญาภา กล่าวอีกว่า ขณะที่การพูดคุยหารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องปกติเพราะทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ มีการรณรงค์เลือกตั้งในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน ประกอบกับ นางสาวแพทองธารเอง สวมหมวกรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ผลักดันโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นหนึ่งในทีมรัฐบาล จึงต้องมีการพูดคุยหารือทำงานร่วมกันเสมออยู่แล้ว
ทั้งนี้ นายเศรษฐา เป็นอดีตนักบริหารธุรกิจชั้นนำของประเทศมากว่า 30 ปี สามารถนำพา บริษัทผ่านพ้นวิกฤติต้มยำกุ้งมาได้และยังทำให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องกลายเป็น 1 ใน 5 บิ๊กบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของไทย ประสบความสำเร็จ มีความสามารถและมีความเป็นมืออาชีพ และยังพร้อมรับฟังคำแนะนำจากทุกฝ่าย ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง
“การที่นายกรัฐมนตรีหารือกับอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งผู้นำต้องรับฟังความเห็นหลากหลายทั้งจากประชาชน และผู้มีประสบการณ์ โดยเฉพาะหากนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีความความมุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงาน ได้หารือกับ ดร.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้มีองค์ความรู้และมีประสบการณ์บริหารประเทศมาก่อน จะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนงาน สุดท้ายผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชน” นางสาวชญาภา กล่าว