ละหมาดคืน’นิสฟูชะอบาน’ เป็นบิดอะห์ หรือความไม่รู้ของคนพูด

คนที่ต่อต้านการฟื้นฟูคำคืนนิสฟูชะอฺบาน ควรเปิดอก เปิดใจยอมรับได้เเล้วว่า คนที่ทำก็มีหลักฐาน อย่าดันทุรัง จะเอาเเต่ของตัวเองจะเอา เเละไปโจมตีคนอื่น อย่าทำตัวจะฟื้นฟูซุนนะห์ เเต่เเท้จริงเเล้วปูเนาะห์

การฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูชะอบาน มีชาวสะลัฟทำกันมากมาย ตามคำกล่าวของอุลามะประวัติศาสตร์ ท่านอีหม่าม อะบูฮัมหมัด อัลฟากีฮีย์ ( เกิดปี ฮ.ศ 220 ) ชาวสะลัฟ กล่าวในตำราของท่าน อัคบารุ มักกะห์ ( ตามภาพ).เล่ม 3 หน้า 84 ว่า : ค่ำคืนนิสฟูชะอบาน ชาวเมกะสมัยนั้น มีท้งหญิง เเละชายออกกันไปที่มัสยิด เพื่อทำการละหมาด เเละตอวาฟ เเถมมีการอ่านอัลกุรอ่านจนถึงเวลาละหมาดศุบฮีย์ บางคนละหมาด 100 รอกาอัต เเต่ละรอก่าอัต อ่านซุเราะห์ ฟาติฮะห์ เเละซุเราะห์ อิคลาส ( กุลฮุวัลลอฮ์ 10 ครั้ง)

สมัยนี้ ต่อต้านการทำอิบาดัตคืนนิสฟูชะอฺบาน หากเราไม่ทำ ก็ควรเงียบดีกว่า

ท่านอัลฮาฟิส อิบนุระญับ อัลฮัมบาลีย์ รอฮิมาฮุลลอฮ ได้กล่าวในตำราของท่านตามภาพ ทีมีชื่อว่า ละฏออิฟ อัลมะอารอฟ ข้างล่างดังนี้

การฟื้นฟูอามัลเเละอีบาดัตในคําคื่นนิศฟูชะอฺบานนั้น มี 2 ทัศนะ

1. #ซุนัต : ให้ฟื้นฟูเเละทำการละหมาดยามาอะห์ที่มัสยิด ซึ่งท่าน คอลิด อิบนมะดัน ลุกมาน อิบนุ อามีร ( เสียชีวิต ฮ.ศ. 103) เเละบรรดาชาวตาบีอีนท่านอื่นๆ ส่วมเสื้อผ้าที่ดีๆ สวยเเละนำหอมเพื่อไปละหมาดที่มัสยิดในคืนนิศฟูชะอฺบาน เเละท่าน อิสฮาค อิบนุ เราะเวียะหฺ ก็เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวเเละการละหมาดคำคืนนิศฟูชะบาน ไม่ได้เป็นบิดอะห์
เเต่อย่างใด ซึ้งอ้างอิงจากลูกศิษย์ของท่าน อีหม่ามอะห์หมัด ที่มีชื่อว่า ท่านฮุรบี กุรมานีย์

ท่านอีหม่าม อัชชาฟีอีย์ รอดิยัลลอฮูอันฮูได้ กล่าวในหนังสือ อัลอุม ของท่านว่า คืนนิสฟูชะบาน เป็นคำคืนหนึ่งที่ดุอาๆได้รับการตอบรับ

قال الشافعي : وبلغنا أنه كان يقال: إن الدعاء يستجاب في خمس ليال في ليلة الجمعة وليلة الاضحى وليلة الفطر وأول ليلة من رجب وليلة النصف من شعبان

ในมัศฮับฮัมบาลีย์ ก็มีทัศนะว่า ซุนัต เเละมีการละหมาดที่มัสยิด

أَمَّا لَيْلَةُ النِّصْفِ مِنْ شَعْبَانَ فَفِيهَا فَضْلٌ وَكَانَ مِنْ السَّلَفِ مَنْ يُصَلِّي فِيهَا . شرح منتهى الإرادات (2 / 80)، كشاف القناع عن متن الإقناع (3 / 329)

وَفِي اسْتِحْبَابِ قِيَامِهَا مَا فِي لَيْلَةِ الْعِيدِ ذَكَرَهُ فِي اللَّطَائِفِ .شرح منتهى الإرادات (2 / 80)، كشاف القناع عن متن الإقناع (3 / 329)

2. #มักรุฮ: การละหมาดยามาอะห์ในคำคืนนี้มักรุฮ เเต่หากละหมาดคนเดียว ไม่เป็นไร ซึ่งเป็นทัศนะของท่านอีหม่าม อัลเอาศาอีย์ เเละท่านอื่นๆ ส่วนบรรดาอุลามะอฺเมื่องฮียาส เเละมาดีนะห์ เช่น อิบนุมุลัยกะห์ อีหม่าม มาลิก เเละอื่นๆ มีทัศนะ ว่า เป็นบิดอะห์

ท่านอิบนุฮาจ รอฮิมาลอฮ์ ในมัซฮับมาลีกีย์ กล่าวว่า บิดอะห์ หากละหมาดเป็นญามะอะห์ เเต่หากละหมาดคนเดียว สามารถทำได้

وَقَدْ تَقَدَّمَ أَنَّ فِعْلَ صَلَاةِ الرَّغَائِبِ فِي جَمَاعَةٍ بِدْعَةٌ ، وَلَوْ صَلَّاهَا إنْسَانٌ وَحْدَهُ سِرًّا لَجَازَ ذَلِكَ ، وَمَذْهَبُ مَالِكٍ رَحِمَهُ اللَّهُ تَعَالَى كَرَاهِيَةُ ذَلِكَ لِقَاعِدَةِ مَذْهَبِهِ فِي كَرَاهِيَتِهِ تَكْرَارِ السُّورَةِ فِي رَكْعَةٍ وَاحِدَةٍ لِاتِّبَاعِ السَّلَفِ فِي ذَلِكَ..>>

นักปราชญ์ในสมัย 100 ฮ.ศ. ซึ่งเป็นยุคสาลัฟ มีการคีลาฟ เป็นที่เรียบร้อย…หน้าที่ของมุสลิม คือค้นคว้าหาความรู้ไม่ใช่มาทะเลาะกัน…..ใครจะทำ หรือไม่ทำก็เรื่องของเขาเเต่ละฝ่ายมีหลักฐาน….

การเรียนหนังสือสมัยนี้….ต้องการชั้น ข้ามชั้น….ซึ่งเป็นระบบโรงเรียน…เเละมหาวิทยาลัย..ส่วนความรู้..เรียนไม่หมดเล่มสักชั้น….เรียนครึ่งเล่มก็สอบ…..สอบเสร็จ หากผ่านได้เลื่อนชั้น หากตกก็สอบเเก้….สุดท้าย..เรียนไม่หมด..เลยชวนทะเลาะกับในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้…

นักวิชาการบางคนบอกเเค่ทัศนะที่ว่า บิดอะห์ เเล้วไปเผยเเพร่หลอกชาวบ้าน ว่า สิ่งที่ทำนั้น บิดอะห์ คือ บอกไม่หมด ไม่ละเอียดให้มนุษย์ ตาสว่าง เเล้วไปฮุกุ่มคนอื่นว่า ที่ทำมาไม่มีหลักฐาน หรือ หลักฐานดออีฟ หรือ ยึดหลักฐานฮาดิษดออีฟ ส่วนคนที่หาหลักฐานไม่เป็น เเย้งไม่เป็น ก็คล้อยตาม …. นักวิชาการที่ดี ควรบอกให้หมดทัศนะ จะได้มีความเข้าใจ หากเข้าใจเเล้ว ก็จะไม่เกิดการทะเลาะกัน ส่วนคนที่ยังทะเลาะในเรื่องคีลาฟ คือ คนไร้สติ เเละปัญญา ..

Cr. Matty Ibnufatim Hamady