“วัชระ เพชรทอง” ย้อน “เรืองไกร ลีกิจวัฒน” มีเงินไม่แปลก แต่ต้นทางเงิน 25 ล้านมาจากไหน เป็น สว.ได้แค่เดือนละแสน ชี้ ปปช.และ ปปง.ต้องสอบเส้นทางเงินให้กระจ่าง
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาขิกวุฒิสภา และ กรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่กล่าวว่ามีเงินแล้ว แปลกตรงไหน กรณีรถเบนซ์ 2 คัน ภรรยาซื้อให้ และ แคชเชียร์เช็ค 25 ล้านบาทชื่อของนายเรืองไกรเป็นของจริงนั้น
ตนเห็นว่านายเรืองไกรแก้ตัวไปตามประสานักร้อง แต่ความจริงและเส้นทางการเงินมันลบล้างไม่ได้ กรณีรถเบนซ์ 2 คัน นายเรืองไกร มาแก้ตัวน้ำขุ่นๆว่าภรรยาซื้อให้ แต่ข่าวเว็บไซต์มติชนออนไลน์ วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 พาดหัวไว้ว่า “เรืองไกร” รับโดนผู้ใหญ่ใจดี เฉ่งปมรถหรู เผยได้คันนี้มาแทนหลังขอเงินแซยิด 30 ล้าน ขณะเดียวกัน นายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ขยายเหตุถึงการโพสต์ภาพรถคันดังกล่าวว่า “จริงๆเป็นเรื่องที่พูดคุยกันมาระยะหนึ่งแล้วจะ 60 ปี จะเกษียณ จะครบรอบวันเกิดวันที่ 26 สิงหาคมนี้ อยากได้อะไร ผมก็บอกว่าจริงๆเงินซัก 20-30 ล้านบาทก็ยังโอเค เขาบอกไม่ได้ เขาก็ถามว่า รถอยากได้ไหม ผมก็บอกว่า โอเคพอไหวสุดท้ายก็ได้แค่รถ…”
นายเรืองไกร ยังให้สัมภาษณ์คุยโวไว้ด้วยตนเอง สามารถสืบค้นข้อมูลย้อนหลังได้ ต่อมามีการร้องเรียนจาก นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ที่ ปปช.เมื่อ 2 ปีที่แล้ว นายเรืองไกรก็ลบเฟสบุ๊คของตนเองทิ้งทั้งหมดแล้วพลิกลิ้นว่าแก้ตัวหน้าแห้งๆว่าภรรยาซื้อให้ทั้งสองคัน ดังนั้นถามว่ามีใครเชื่อคำพูดของนายเรืองไกรบ้าง ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงลบเฟสบุ๊คภาพรถเบนซ์ทั้งสองคัน ภาพแคชเชียร์เช็ค 25 ล้านบาททิ้งทำไม ควรตั้งใจไปให้การกับปปช.จะดีกว่าและสิ่งที่ส่อพิรุธอีกประการหนึ่งคือ ปปช.ติดตามรถเบนซ์ของนายเรืองไกรว่า จดทะเบียนได้เพียงคันเดียว อีกคันหนึ่งติดตามไม่ได้ ถ้า ปปช.ไม่มีอำนาจสอบสวนตามที่นายเรืองไกรกล่าวอ้าง ปปช.จะมีคำสั่งเจ้าหน้าที่ปปช.ให้สืบสวนเรื่องนี้ทำไมให้เสียเวลา
“นายเรืองไกร เป็นวุฒิสมาชิกปี 2551 รวมตลอดทั้งสมัยได้เงินเดือนรวมทั้งสิ้น 7,454,546.77 บาท เท่านั้นซื้อรถเบนซ์ที่นายเรืองไกรว่าได้แค่คันเดียวเอง” ….” คนเป็นอดีตสว.แล้วได้รับแคชเชียร์เช็ค 25 ล้าน หลังจากการเป็นกรรมาธิการโอนจ่ายงบประมาณ และ ได้รับรถเบนซ์ 2 คันซ้อนๆในขณะเป็นโฆษกกรรมาธิการงบประมาณ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายปปช.แล้ว เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยและเข้าข่ายตามความผิดมูลฐานของปปง. ปปง.ก็มีเขตอำนาจที่จะสืบสวนเส้นทางการเงินของนายเรืองไกร เนื่องจากเป็นกรรมาธิการเพราะถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนั้น จึงต้องรอผลการปฏิบัติหน้าที่ของปปง.และปปช. นายเรืองไกรควรให้ความร่วมมือในการสอบสวน อย่าโกหกไปมาเหมือนที่กล่าวอ้างว่าผู้ใหญ่ใจดีให้มา พอมีการร้องปปช.ก็อ้างว่า ภรรยาซื้อให้ มันน่าขำจริงๆ”….เรื่องนี้ถ้านายเรืองไกรไม่ได้เป็นกรรมาธิการงบประมาณซึ่งต้องพิจารณารายจ่ายเงินกว่า 3 ล้านๆบาททุกปี คงไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีใครไปยุ่งกับการอวดได้อวดมีรถเบนซ์หรือเงิน 25 ล้านของนายเรืองไกรเมื่อเข้าไปมีอำนาจพิจารณาเงินภาษีอากรของประชาชนทุกคนก็ต้องมีการตรวจสอบนายเรืองไกรย้อนกลับเป็นธรรมดาและต้องสอบว่าต้นทางเงิน 25 ล้านบาท มันมาจากหนใด ลำพังเงินเดือนวุฒิสมาชิกมันจะร่ำรวยมากถึงขนาดนี้หรือเป็นเรื่องที่ประชาชนเขาสงสัยกันทั้งประเทศ” นายวัชระ กล่าวในที่สุด