สุสานของมุสลิมทางตอนใต้ของฉนวนกาซาถูกทำลาย โดยทหารอิสราเอล ที่อ้างว่า สถานที่ดังกลาาวใช้เป็นที่หลบซ่อนของ กลุ่มนักรบฮามาส หลุมศพถูกขุดขึ้นจากพื้นดิน กะโหลกที่ไม่มีฟันถูกวางอยู่บนเศษหินที่ระเกะระกะ
ย่าน บนี สุฮัยลา ในเมืองคาน ยูนุส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งทหารอิสราเอลเพิ่งจัดแสดงให้นักข่าวต่างประเทศเห็นเมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา ถูกรื้อและเปลี่ยนแปลงจากการค้นหาอุโมงค์ใต้ดินของฮามาส
นักข่าว AP มองเห็นมัสยิด ที่ถูกทำลาย และที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสุสานนี้ มีหลุมกว้าง 140 เมตร ที่เปิดทางให้กับสิ่งที่กองทัพ เรียกว่า “อุโมงค์” ที่กลุ่มฮามาสใช้โจมตีจากด้านล่าง กองทัพได้ระบุเมื่อวันจันทร์ ว่าวิศวกรรมได้รื้อถอนส่วนหนึ่งของเครือข่ายดังกล่าว พร้อมเผยแพร่วิดีโอที่แสดงการระเบิดขนาดใหญ่ของพื้นที่
ในขณะที่อิสราเอลเดินหน้าด้วยการรณรงค์ภาคพื้นดิน และ ทางอากาศในฉนวนกาซา ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธรารณสุขในเขตกาซา ระบุว่า ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 26,000 ราย การที่ทหารทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายและรุนแรง จากชาวปาเลสไตน์ และ กลุ่มสิทธิมนุษยชน ซึ่งกล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวยังเป็นการโจมตีมรดกทางวัฒนธรรม ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ สุสาน และสถานที่ทางศาสนา ได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ และการทำลายสถานที่เหล่านั้น ถือเป็นอาชญากรรม
ทั้งนี้ อิสราเอล กล่าวหาว่า ฮามาสใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ซ่อนทางทหาร และใช้ข้ออ้างดังกล่าวสร้างความชอบธรรมในการถอดการคุ้มครองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ออก รายงานระบุว่า ไม่มีทางบรรลุเป้าหมายทางทหารในการเอาชนะกลุ่มฮามาสได้ โดยไม่ต้องค้นหาอุโมงค์ ซึ่งพวกเขากล่าวว่า กลุ่มติดอาวุธได้สร้างศูนย์บัญชาการ และควบคุมขนส่งอาวุธ และซ่อนตัวประกันบางส่วนไว้
พล.อ.แดน โกลด์ฟัส ของฮามาส ซึ่งเป็นผู้นำนักข่าวชมทั่วทั้งไซต์เมื่อวันเสาร์ กล่าวว่า “เราไม่ได้ไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้ว” น่าสังเกตว่า อิสราเอลใช้ข้ออ้างลักษณะเดียวกันนี้ ในการทำลายโรงพยาบาล และรอบ ๆ โรงพยาบาลในฉนวนกาซา
โกลด์ฟัส นำนักข่าวเข้าไปในปล่องอุโมงค์ ที่เขาบอกว่า ทอดยาวอยู่ใต้มัสยิดและสุสาน นักข่าวเดินไปตามอุโมงค์คอนกรีตยาว ที่แยกออกไปหลายทิศหลายทาง และมาถึงห้องเล็ก ๆ ที่ถูกกล่าวหาว่า ใช้เป็นศูนย์บัญชาการและควบคุม ประกอบด้วยห้องทรงโดม 3 ห้อง ห้องหนึ่งมีเก้าอี้ 4 ตัว ห้องหนึ่งมีโต๊ะ และห้องครัวที่มีกระป๋องถั่วเปล่า และชั้นวางเครื่องเทศ
ผู้บัญชาการทหารกล่าวว่า อุโมงค์ดังกล่าว ซี่งมีหม้อแปลงไฟฟ้า พัดลม ท่อที่มีสายไฟและสวิตช์ไฟ ทอดยาวไป 800 เมตร และ เชื่อมต่อกับเครือข่ายอุโมงค์ขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา พวกเขาพบห้องต่าง ๆ ที่คล้ายกันในอุโมงค์ทั่วฉนวนกาซา และยังพบร่องรอยอื่น ๆ ของกิจกรรมที่ฮามาสทำในพื้นที่ ตั้งแต่ปืน AK-47 ที่ถูกยึดไป จนถึงแผนที่ชายแดนระหว่างฉนวนกาซากับอิสราเอล ซึ่งกลุ่มฮามาสอาจใช้ในการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
โกลด์ฟัส กล่าวว่า การทำลายมัสยิดและขุดสุสาน เป็นส่วนสำคัญในการค้นหาอุโมงค์ประมาณ 60 แห่งในพื้นที่ แต่ได้นำนักข่าวไปดูเพียงแห่งเดียวเท่านั้น และว่า การรื้อเครือข่ายอุโมงค์ทำให้กองกำลังต้องแก้ปมปริศนาเขาวงกต ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการในพื้นที่โดยไม่ทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และแม้แต่ซากศพมนุษย์
เมื่อนักข่าวถามถึงศพที่ถูกขุดขึ้นมา โกลด์ฟัส ตอบว่า “เราพยายามเคลื่อนย้ายศพออกไปให้มากที่สุด แต่ขอให้รู้ว่า เมื่อเรากำลังต่อสู้ในสถานที่แห่งนี้ และศัตรูของคุณรุกเข้าใกล้ตัวครั้งแล้วครั้งเล่า และใช้พื้นที่ผสมผสานเหล่านี้เป็นที่ซ่อนตัว คุณทำอะไรได้ไม่มากนอกจากที่เห็นอยู่”
