“สมชาย-เรืองไกร” เดินหน้าลงดาบสอง ยื่น กกต. ยุบพรรค “ก้าวไกล”

‘สมชาย แสวงการ’ชี้เปรี้ย ! งอนาคต’พิธา-ก้าวไกล’ มีแค่ยุบพรรค-ตัดสิทธิการเมือง ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ เตรียมซ้ำดาบ2 ยื่น‘กกต.’ยุบ‘ก้าวไกล’ ยันไม่มีใบสั่งมาขยายผล

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิวภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “สถานีต่อไปของพิธาและก้าวไกล ยื่น กกต.ยุบพรรค ยื่น ป.ป.ช.เอาผิดจริยธรรม ตัดสิทธิการเมือง” ระบุว่า หลังจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 31 ม.ค.2567 วินิจฉัยชี้ชัดเจนว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์และเจตนายกเลิกมาตรา 112 และอื่นๆ ถือเป็นกระทำการในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สั่งการให้ยกเลิกการกระทำทันทีและและทั้งหมดในอนาคตต่อไปด้วยแล้ว

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นผู้ร้องและผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีความทางกฎหมายต่อไปทันที อย่างน้อยทั้ง 2 ช่องทาง ดังนี้

ช่องทางที่ 1.ผู้ร้องดำเนินการยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.เพื่อให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคต่อไป ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นความปรากฎเองแล้ว ตามมาตรา 93 เสนอต่อ กกต.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคได้ทันที

ช่องทางที่ 2.ผู้ร้องดำเนินการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.กล่าวหา 44 สส.ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไข มาตรา112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง เพื่อขอให้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ส่งศาลฎีกานักการเมือง เพื่อพิพากษาว่า ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. มาตรา 87 ประกอบ มาตรา 81 ที่ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นว่า ผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมือง…ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย…

มาตรา 81 ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองประทับฟ้อง ตามมาตรา 77 ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคําพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น

ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคําพิพากษานั้น พ้นจากตําแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปีด้วยหรือไม่ก็ได้

ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่งทางการเมืองใด ๆ

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.พ.เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยไปยื่นร้องต่อ กกต.ให้ยุบพรรคก้าวไกล มาแล้ว 2 รอบ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.และ 30 มิ.ย.66 กรณีพรรคก้าวไกล แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันเป็นการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ตอนนั้น กกต.บอกว่า ยังไม่เข้าเงื่อนไข ยังไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ล่าสุดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุชัดเจนว่าการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จึงถือว่าเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 92 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ระบุถึงการกระทำล้มล้างการปกครองฯ ที่เข้าเงื่อนไขการยุบพรรค

“ดังนั้น กกต.จะต้องรับเรื่องไปพิจารณายุบพรรคก้าวไกล จะต้องรีบดำเนินการโดยเร่งด่วน เพราะมีคำวินิจฉัยของ กกต.เป็นหลักฐานชัดเจนแล้ว ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีใครสั่งให้มาขยายผลยุบพรรคก้าวไกลต่อ ถ้าหากยังประวิงเวลาอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้” นายเรืองไกร กล่าว