“บิ๊กโจ๊ก” ลุยเมืองเบียร์ พบหลักฐานชัด ตำรวจไทย ไม่ได้รับสินบน “เจน คริช”

“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ลุยเมืองเบียร์สืบค้น ทำความจริงให้ปรากฎ ปมสำนักข่าว “ด็อยท์เชอเว็ลเลอ” กล่าวหาตำรวจไทย “รับสินบน”  ปล่อยตัว “เจน คริช” กลับเมืองเบียร์ ยันมีหลักฐานชัดเจน ไม่พบกรณีดังกล่าว ปกป้องขบวนการยุติธรรมสำเร็จแล้ว ลุ้นปรับไทยสู่เทีย 1

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์และปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ลงทุนลงแรง เดินทางไปเยอรมัน เพื่อคลี่คลายความจริงให้ปรากฎ ปกป้องศักดิ์ศรีกระบวนการยุติธรรมไทย หลังถูกนักท่องเที่ยวเยอรมันออกมาแฉเรื่องจ่ายสินบนให้ตำรวจไทย 1 ล้านบาท เพื่อแลกกันการได้ประกันตัว และหลบหนีกลับบ้าน ในคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี

นายเจน คริช ชาวเยอรมัน ผู้ต้องหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ให้ข่าวกล่าวหาตำรวจไทยรับ สินบน 1 ล้านบาทให้ตำรวจไทยเพื่อแลกกับการปล่อยตัวแล้วหนีคดีล่วงละเมิดทางเพศ

ข้อกล่าวอ้างของ “นายเจน คริช” สร้างความเสียหายกระทบต่อความน่าเชื่อของขบวนการยุติธรรมไทยอย่างใหญ่หลวง

ถามว่า นายเจน คริช ถูกจับจริงไหม นายเจนถูกจับจริง แต่จ่ายเงินสินบนจริงไหม นี้คือประเด็นที่ “บิ๊กโจ๊ก” เดินทางไปเพื่อสืบค้นหาความจริง เพื่อปกป้องขบวนการยุติธรรมไทย

“ถ้าผู้ต้องหา (นายเจน คริช) ให้การยืนยันกับทางการเยอรมัน ไม่มีการจ่ายสินบนให้ตำรวจไทย แต่ถามว่าเงิน 1 ล้านบาท มีจริงไหม มีจริง จ่ายจริง เป็นค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีล่วงละเมิด”

นัยยะความโปร่งใสของประเทศ ส่วนหนึ่งพันผูกอยู่กับ การจัดอันดับเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือ เทีย (Tier) ซึ่งประเทศทั่วโลกยึดถือเอาจริงเอาจัง กับ การปราบปรามขบวนการทำให้มนุษย์กลายเป็น “ทาสยุคใหม่” ที่ตกเป็นเหยื่อของคนที่เห็นมนุษย์เป็นสินค้าซื้อขายมาบำเรอกามการจัดอันดับเทียมีอยู่ 3 อันดับ โดยแต่ละอันดับนั้น ทุกประเทศไม่ได้แข่งขันให้เหนือกว่ากัน แต่ประเทศต่างๆ ต้องแข่งขันกับตัวเองเพื่อแสดงถึงความโปร่งใส จริงจังกับการปราบปรามการค้ามนุษย์

ดังนั้นการค้ามนุษย์และการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ซึ่งเป็นงานภายใต้การกำกับของ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” จึงต้องถูกขจัดในขั้นเด็ดขาดตามกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส สิ่งนี้คือ ความจริงที่ต้องไปค้นหาถึงประเทศเยอรมัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สถานการณ์ค้ามนุษย์ของไทยได้เลื่อนอันดับจากเทีย 3 (Tier 3) เป็นเทีย 2 และ คาดว่าปี 2567 จะได้รับการจัดอันดับเป็นเทีย 1 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุด แสดงว่า มีความโปร่งใสน่าเชื่อถือกับประเทศที่สนับสนุน ปฎิบัติ ดำเนินการสอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์

ด้วยเหตุนี้ เทีย 1 จึงเป็นเป้าหมายที่ไทยจะไปให้ถึง และเมื่อมีโอกาสเป็นไปได้ภายในปี 2567 ย่อมเป็นสิ่งดีของไทย ดังนั้น การคลี่คลายเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้ปรากฎความจริงจนเป็นที่ยุติชัดเจน จึงเป็นสิ่งพึงกระทำ

เพราะความจริงในกรณี “นายเจน คริช” จึงมีเนื้อหาใน 2 ด้าน คือ จ่ายเป็นเงินสินบน และ ไม่ได้จ่ายส่วย หากเป็นกรณีหลัง ไทยยิ่งมีความน่าเชื่อถือกับนักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางมาใช้จ่ายเงินเพื่อเศรษฐกิจปากท้องแล้วการค้าขายสินค้าและบริการจะมีความสะพัดสามารถพลิกฟื้นหลุดพ้นวิกฤตย่อมตามมา

ดังนั้น ความจริงของเงิน 1 ล้านบาท ที่ถูกสำนักข่าว “ด็อยท์เชอเว็ลเลอ” หรือ DW นำเสนอกล่าวอ้างเมื่อ 3 ธ.ค. 2566 ว่า เป็นเงินค่าสินบนนั้นเป็นจริงหรือไม่ สิ่งนี้จึงต้องค้นหาจากปากของ “นายเจน คริช” ให้เกิดความกระจ่างชัด ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงต้องไปหาความจริงถึงเยอรมัน

เบื้องต้นเงิน 1 ล้านบาทที่ นายเจน คริช จ่ายไปนั้น จากการตรวจสอบของตำรวจและศาลพบว่า มีอยู่จริง ซึ่งไม่ใช่เงินจ่ายเพื่อเป็นสินบนแลกให้หลบนี้คดี แต่เป็นเงิน “ค่าใช้จ่าย” ในการต่อสู้ในคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี

โดยความจริง มีอยู่แล้ว เงิน 1 ล้านบาทถูกจ่ายเป็นค่าประกันตัวในชั้นศาลจำนวน 200,000 บาท อีก 500,000 บาทเป็นหลักทรัพย์วางต่อศาลเพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนที่เหลือ 300,000 บาทเป็นค่าจ้างทนายไทยต่อสู้คดีตั้งแต่ถูกจับเมื่อ 10 ก.ย. 2565 กระทั่ง 7 พ.ย. 2565 ได้หลบหนีไปเยอรมัน

หลังการประชุมร่วมที่เยอรมัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจและอัยการ นครแฟรงค์เฟิร์ต เยอรมัน ได้สอบปากคำผู้ต้องหา พร้อมมอบเอกสารคำให้การของนายเจน คริช ทั้งภาษาเยอรมันและไทย เพื่อการคลี่คลายข้อกังวลจนปรากฎความจริงอันโปร่งใส

“ข้อสรุปชัดเจน (จากปากคำของนายเจน คริช) ยืนยันว่า สำนักข่าว DW เสนอข่าวบิดเบื่อน เพราะ (ผู้ต้องหาหลบหนีคดี) ไม่เคยจ่ายเงินให้ตำรวจหรือศาลแม้แต่ท่านใดท่านหนึ่งเลย” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุถึงความจริง ซึ่งเป็นข่าวดีของไทย และโอกาสจะได้ขยับจากเทีย 2 ไปสู่เทีย 1 ย่อมเปิดโล่งขึ้นอย่างมาก

ดังนั้น การเดินทางไปค้นหาความจริงถึงเยอรมัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเท่ากับได้ทำความจริงให้ปรากฎตามภารกิจ ที่ต้องคลี่คลายและยังมีนัยยะตามหน้าที่ได้ซ่อนบทบาทการปกป้องกระบวนการยุติธรรมไทยไม่ให้มั่วหมองเป็นสำคัญ

แม้งานนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้นำตัวนายเจน คริช มาดำเนินในไทย เพราะติดเงื่อนไข ระบบกฎหมายเยอรมัน ซึ่งเน้นความมีสิทธิเสรีภาพของคนในสังกัด จึงต้องถูกลงโทษตามความผิดในเยอรมัน

แต่การได้เอกสารสอบปากคำนายเจน คริช ที่ลงลายมือชื่อ ยืนยันความโปร่งใสของตำรวจและศาลไทย ไม่ได้เรียกสินบนเพื่อให้หลบหนีคดี ตามถูกกล่าวจึงไม่เป็นความจริง ดังนั้น จึงเป็นความจริงส่วนหนึ่งเพื่อสร้างโอกาสให้ไทยมีลุ้นขยับอันดับความโปร่งใสต่อประเด็นค้ามนุษย์ไปสู่เทีย 1 ยังเปิดโล่งอยู่

“นายเจน คริช ยืนยันคำให้การว่า สภ.เมืองพัทยา อัยการพัทยา ศาลพัทยา ไม่ได้รับสินบน เพื่อให้การหลบหนีเดินทางกลับประเทศเยอรมันแต่อย่างใด” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ

ดังนั้น ปากคำให้การของนายเจน คริช ระบุว่า สำนักข่าว DW รายงานไม่ตรงความเป็นจริง และไม่ได้พูดไปตามการนำเสนอของ DW

นี้คือความจริงที่ปรากฎขึ้นจากปากคำของ นายเจน คริช ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ของวงการตำรวจไทย เดินทางไปค้นหาถึงเยอรมัน ย่อมยุติข่าวอื้อฉาวที่สำนักข่าว DW สร้างขึ้นได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ปกป้องขบวนการยุติธรรมไทยสำเสร็จแล้ว รอลุ้นว่าไทยจะได้ปรับความน่าเชื่อถือมาเป็นเทีย 1 หรือไม่ เมื่อไร !!!

#นายหัวไทร #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน #บิ๊กโจ๊ก #ค้ามนุษย์