“อลงกรณ์ พลบุตร” อดีตรมช.พาณิชย์ ลุย! แดน “มังกร” ขึ้นเวที ปาฐกถาพิเศษ BRI ดึงภาคเอกชนจีนลงทุน “10อุตสาหกรรมใหม่” แห่งอนาคต หวังเป็นเครื่องยนต์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตะลุยตลาดโลก
วันที่ 26 ม.ค.2567 นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และ อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่ 1 ได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุม Belt and Road Innitiative (BRI) industrial investment International summit forum 2024 ที่ เซินเจิ้น โดยกล่าว สรุปภาพรวมว่า โลกผันผวน และ เปลี่ยนแปลงทุกมิติอย่างรวดเร็ว มีทั้งโอกาสและภัยคุกคาม เราต้องออกแบบอนาคตและนวัตกรรม การลงทุนใหม่ๆ ประการสำคัญ คือ การมีหุ้นส่วน(partnership)ที่ดีเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ขอให้เชื่อมั่นว่าโอกาสมีอยู่ทุกหนแห่ง(Possibility is everywhere)ทั้งนี้ได้ ยกตัวอย่า งความร่วมมือระหว่างประเทศไทย กับ จีนทางด้านการค้า การลงทุน และ การท่องเที่ยวตลอด49ปี ของความสัมพันธ์ทางการฑูต ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจเปิดกว้างเติบโตต่อเนื่อง แม้จะเผชิญปัญหาอุปสรรคต่างๆแต่ก็สามารถฝ่าฟันผ่านพ้นมาได้จนประเทศจีน เป็นประเทศคู่ค้าและผู้ลงทุนอันดับ 1ของ ไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีน ก็มาไทยมากที่สุดโดยเฉพาะ10ปี แห่งความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-จีนและความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคRCEP ล่าสุดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นหุ้นส่วน(partnership)บนผลประโยชน์และความสำเร็จร่วมกันอุตสาหกรรมใหม่คือโอกาสใหม่ๆของทุกประเทศของทุกบริษัทและนักลงทุนทุกคนจึงขอเชิญชวนมาลงทุนทั้งในตลาดทุน และ ตลาด FDI ในประเทศไทยโดยเฉพาะระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก และเขตเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาครวมทั้งอุตสาหกรรมใหม่ 10 สาขาซึ่งมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษของรัฐบาลไทยภายใต้ BCG โมเดลและเป้าหมายลดโลกร้อนของการประชุม COP28 ได้แก่1.อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next – Generation Automotive)เช่นยานยนต์ไฟฟ้า
2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics)
3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism)
4.การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology)
5.อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Food for the Future) และอุตสาหกรรมอนาคตใหม่(New S-curve) อีก5 สาขา
1)อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics)และAI
2)อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics)
3)อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals)
4)อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital)
5)อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
ซึ่งทั้งหมดเป็นรูปแบบการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินค้าและเทคโนโลยี โดยจะเป็นหัวใจหลักของกลไกใหม่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ (New Growth Engines)
นายอลงกรณ์ ยังได้หารือระหว่าง Lunch meeting กับผู้บริหาร บริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ซึ่งทุกบริษัทตอบรับอย่างกระตือรือร้น ที่จะมาลงทุนในประเทศไทยทั้งอุตสาหกรรมใหม่และตลาดทุนของไทย สำหรับการสัมมนาครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกว่า500คน และ มีสมาคมการค้าไทย-จีนและเศรษฐกิจเอเชีย โดยนางสาวอภิญญา ปราโมช นายกสมาคมฯ นางสาวประจงจิต พลายเวช รองประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมฯ และ นายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด จากมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมด้วยโดยจัดที่โรงแรมเชอราตัน-เซิ่นเจิ้น