ผบ.ตร.บินด่วน ลงพื้นที่ สระแก้ว เร่งติดตามคดี 5 เยาวชนฆาตกรรม “ป้าบัว” พร้อมสอบสวน ปม จนท.ตำรวจ บังคับให้ “ลุงเปี๊ยก” รับสารภาพเป็นฆาตกร ขณะ “บิ๊กโจ๊ก” ยอมรับ เหนื่อยใจ พฤติกรรมสีกากีนอกคอก
วันที่ 19 ม.ค.67 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. บินด่วนลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อเร่งรัดติดตามคดี 5 เยาวชน ฆาตกรรมนางสาวบัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ อายุ 47 ปี และ คดีพนักงานสอบสวนคลุมถุงดำบังคับให้ ลุงเปี๊ยก สามีป้ากบ รับสารภาพเป็นแพะในคดี ด้านผบ.ตร.น้อมรับความผิดพลาดขอโทษประชาชน ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” ยันคลิปเสียงตำรวจเชื่อว่าเป็นคลิปจริง บ่นเหนื่อยใจ ทำประชาชนเอียนพฤติกรรมตำรวจปกปิดบังคับลุงเปี๊ยกรับสารภาพ เรียกร้องผู้บังคับชาระดับภาคทบทวนตัวเอง
โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เปิดเผยก่อนการเดินทางว่า วันนี้จะลงพื้นที่ไปรับฟังข้อเท็จจริงกรณีเยาวชนกลุ่มนี้ ตลอดจนเยาวชนในแก๊งรายอื่น ที่ก่อความรุนแรงสะสมมานานหลายคดี ซึ่งจะต้องไล่ตรวจสอบย้อนหลังในทุกคดีทั้งหมดที่มีเบาะแส และเชิญผู้เสียหายแต่ละคดีมาสอบปากคำ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน แม้จะเป็นคดีเก่าที่เกิดนานแล้ว แต่เชื่อว่าพนักงานสอบสวน มีแนวทางในการรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้ นอกจากนี้จะต้องไปพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับผู้ปกครองเด็กที่ปล่อยปละละเลยบุตรหลานด้วย
ส่วนการดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนที่บังคับให้ลุงเปี๊ยก รับสารภาพนั้น จะต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดก่อน ที่จะมีการชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบ โดยเฉพาะประเด็นคลิปเสียงการสนทนาของชายที่คาดว่าเป็นตำรวจยศพันตำรวจตรี และพันตำรวจโท รวมถึงดาบตำรวจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเป็นคลิปจริงหรือไม่ หรือ มีการตัดต่อบิดเบือนคลิปเสียง ซึ่งจะต้องเรียกบุคคลที่คาดว่าเป็นเจ้าของเสียงมาสอบปากคำว่าพูดจริงหรือไม่ และเมื่อทราบเรื่องแล้วเหตุใดจึงไม่ดำเนินการกับตำรวจที่กระทำความผิด พร้อมยืนยันว่าหากมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะต้องดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย ส่วนจะมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกี่รายนั้นยังไม่สามารถตอบได้ ต้องขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน โดยมอบหมายให้พลตำรวจเอกไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการสอบวินัยตำรวจทั้งหมดและรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว แต่ส่วนของคดีอาญาทั้งหมดก็ได้มอบหมายให้พลตำรวจเอกธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบการสอบสวนด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า จากการตรวจสอบพฤติกรรม การก่อเหตุของกลุ่มเยาวชนที่ก่อเหตุ เบื้องพบว่ามีคดีค้างเก่าไม่น้อยกว่า 5-6 คดี ทั้งคดีกระทำชำเรา รุมโทรมหญิง ทำร้ายร่างกาย แต่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ก่อเหตุเลย ซึ่งตอนนี้ คณะทำงานพบผู้เสียหายแล้ว และจะต้องเชิญผู้เสียหายทั้งหมดมาให้ข้อมูล แม้คดีจะผ่านมานานแล้วก็ตาม รวมทั้งจะต้องเชิญผู้กำกับและหัวหน้าชุดทำคดีทั้งหมดมาสอบถามถึงปัญหาว่าคดีติดขัดเรื่องใด เหตุใดจึงไม่มีความคืบหน้า เพื่อจะเร่งรัดดำเนินคดีเพิ่มเติมกับเยาวชนทั้ง 5 คนนอกเหนือจากคดีฆาตกรรมป้ากบ ยืนยันคดีทั้งหมดผู้เสียหายต้องได้รับความเป็นธรรม
ส่วนคลิปเสียงที่หลุดออกมาเพิ่มเติมนั้น ตนเองได้ฟังแล้วเชื่อว่าเป็นคลิปเสียงจริง แต่หากมีการตัดต่อก็สามารถตรวจสอบได้ และการที่พนักงานสอบสวนร้องอุทานตกใจเมื่อทราบว่าจับผิดตัว และเอาลุงเปี๊ยกไปฝาก ก็เหมือนเอาคนไม่ผิดเข้าคุก ก็ต้องให้ความเป็นธรรม ไปดูว่าพนักงานสอบสวนรีบแก้ไข รีบทำหนังสือถึงศาล เพื่อให้ปล่อยตัวลุงเปี๊ยกออกมาโดยเร็วหรือไม่ โดยเรื่องนี้ต้องทำให้เร็ว ให้ได้ความชัดเจนว่าใครผิด และจะต้องเอาออกทันที ไม่ปล่อยเวลาเนิ่นนานไปถึง 5-6 วันโดยไม่มีความคืบหน้า รองผู้กำกับการที่ยอมรับว่ารู้เหตุการณ์คลุมหัวจริงก็ต้องดำเนินคดี ส่วนใครรับรู้อีกก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง
พร้อมยอมรับเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกิดขึ้น ที่เมื่อกระทำผิดแล้วพยายามปกปิด รายงานข้อเท็จจริงไม่ครบหรือปิดบังเรื่องการสอบสวนที่ผิดพลาด เช่น มีการไปกระทืบลุง จับกุมผิดตัว กลัวผู้บังคับบัญชารู้ กลัวจะถูกเล่นงาน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือลูกตำรวจ ซึ่งทั้งหมดทำให้ตนเองต้องมารู้เรื่องราวจากสื่อมวลชน และลุงเปี๊ยกที่เป็นผู้เสียหาย ซึ่งลุงเปี๊ยกก็มีความเครียดแค้นว่าตำรวจนายนี้ทำร้ายตนเอง บังคับให้นำชี้ที่เกิดเหตุ โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ใช้คำว่า “ตนเองก็เหนื่อยใจ และประชาชนก็รู้สึกเอียนจนไม่รู้จะเอียนอย่างไรแล้ว” และในฐานะผู้บังคับบัญชาตนเองก็ต้องลงไปแก้ไข ดังนั้นวันนี้ผู้บัญชาการภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้กำกับการพื้นที่และทุกคนจะต้องทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ใช่ต้องให้ระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องลงพื้นที่ไปเอง ไม่กังวลว่าลูกน้องจะรังเกียจ ใครทำไม่ดีต้องถูกดำเนินการ
พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีบุคคลบางกลุ่มได้รับคลิปวงจรปิด และสั่งให้เจ้าของกล้องวงจรปิดลบคลิปต้นฉบับเพื่อหวังผลประโยชน์ว่า เป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบ และพิจารณาในรายละเอียดก่อน แต่หากพบว่ามีใครเข้าข่ายกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินการหลังจากนี้ โดยจะเน้นทำคดีหลักก่อน