“นภินทร” หารือ “มุขมนตรีรัฐคุชราต” ยัน ไทยพร้อมลงทุนอินเดีย ด้านอาหารแปรรูป

รมช.พาณิชย์  หารือ มุขมนตรีรัฐคุชราต ยืนยันพร้อมหนุนนักลงทุนไทย ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป อัญมณีและเครื่องประดับ พลังงานทดแทน และก่อสร้าง ในรัฐคุชราต พร้อมชวนร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน หลังไทยเปิดฟรีวีซ่าให้ชาวอินเดีย และชวนร่วมงานบางกอกเจมส์ และงานไทยเฟ็กซ์

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือกับ นายบูเพนดรา พาเทล มุขมนตรีรัฐคุชราต ว่าได้ขอบคุณมุขมนตรีรัฐคุชราต ที่เชิญไทยร่วมเป็นประเทศภาคี (Partner Country) ของงาน Vibrant Gujarat Global Summit ครั้งที่ 10 และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เยือนอินเดียเป็นครั้งแรกในฐานะผู้แทนประเทศไทย โดยเฉพาะการมาเยือนรัฐคุชราต ซึ่งเป็นเมืองที่ นายกรัฐมนตรีโมทีได้สร้าง Gujarat Model เป็นต้นแบบการพัฒนาของอินเดีย

ทั้งนี้ ไทยเห็นถึงศักยภาพ ด้านการลงทุนของรัฐคุชราต โดยเฉพาะ 1. อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร เนื่องจากคุชราตมีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ และไทยมีความเชี่ยวชาญด้านการแปรรูปอาหารทะเลระดับโลก 2. อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งคุชราตเป็นแหล่งเพชรที่สําคัญของโลก โดยไทยเป็นผู้นําด้านการเจียระไนและขึ้นรูปอัญมณีและเครื่องประดับที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก การเสริมสร้างและขยายความร่วมมือในสองอุตสาหกรรมนี้จะเป็นประโยชน์แก่ เศรษฐกิจและผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมาก 3. พลังงานทางเลือก ซึ่งมีบริษัทไทยหลายรายที่สนใจออกไปลงทุนในต่างประเทศ ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ตอบโจทย์ความต้องการของคุชราต และ 4. อุตสาหกรรมก่อสร้าง ไทยมีบริษัทชั้นนําในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่พร้อมเข้ามาลงทุนเเละพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของคุชราต ขณะเดียวกัน นายพาเทลยินดีต้อนรับนักลงทุนไทยเเละรับที่จะดูเเลและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ปัจจุบัน ไทยมีการลงทุนในคุชราตเเล้ว ได้แก่ 1) บริษัท ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เมลามีน ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เข้ามา ตั้งโรงงานในรัฐคุชราตต้ังแต่ปี 2014 สร้างงานกว่า 400 ตําแหน่ง และ ยังมีเป้าหมายจะขยายโรงงานทั้งในภาคเหนือและ ภาคใต้ของอินเดีย 2) บริษัท Global Power Synergy หรือ GPSC ในเครือ PTT ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่ม Avaada Group ในอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 61 พันล้านรูปีอินเดีย หรือ เท่ากับ 27,000 ล้านบาท ด้วยเป้าหมายกำลังการผลิตเติบโตสู่ 11 กิกะวัตต์ในปี 2569 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนของภาครัฐอินเดีย และ 3) บริษัท Siam Cement Group ได้ร่วมทุนกับบริษัท BigBloc Construction ของอินเดีย จัดตั้งโรงงานผลิตอิฐบล็อคและอิฐมวลเบาในรัฐคุชราต ซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอินเดียตะวันตก สร้างเม็ดเงินมากกว่า 125 ล้านรูปีอินเดีย

นายนภินทร กล่าวว่า ไทยได้ยกเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดียแล้วจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 โดยนักท่องเที่ยวอินเดียจะสามารถพํานักอยู่ในไทยได้ถึง 30 วัน ประกอบกับการบินไทยได้เปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ – เมืองอัมดาบัด แล้ว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับรัฐคุชราตได้ โดยเห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันได้

นอกจากนี้ ไทยได้เชิญชวนนักธุรกิจชาวคุชราตเข้าร่วมงาน Bangkok Gems and Jewelry ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21-25 กุมภาพันธ์ 2567 เเละวันที่ 9-13 กันยายน 2567 และงาน ThaiFex Anuga Asia ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นงานเเสดงสินค้าอาหารเเละเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้