นายกฯถกแก้หนี้”นอกระบบ”ลั่นต้องทำให้สำเร็จ ปิ๊งไอเดีย จัด”ตลาดนัดแก้หนี้”

นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะถกแก้หนี้นอกระบบ ลั่นเป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำให้สำเร็จ พร้อมกำชับ อธิบดีกรมการปกครอง ต้องสั่งเจ้าหน้าที่ในสังกัด ลงพื้นที่ดูแล พร้อมปิ๊งไอเดียจังหวัดจัดตลาดนัดแก้หนี้

วันที่ 23 ธ.ค.2566 เวลา 13.52 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมคณะ เดินทางถึงศาลากลางจังหวัดน่าน ด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลฟาร์ด ทะเบียน กฉ 5353 น่าน โดยมีประชาชนกว่า 200 คนรอให้การต้อนรับ พร้อมถือป้ายข้อความระบุว่า รักนายกฯนิดๆ แต่จะฮักนายกฯนานๆ,ขอให้ท่านนายกฯ มีสุขภาพแข็งแรงอยู่แก้ปัญหา และ บริหารประเทศไปนานๆรักท่านครับ, หมู่เฮาจาวเวียงสา ขอต้อนฮับท่านนายกฯ เป็นต้น โดยนายกฯได้เดินทักทาย ขณะที่ในช่วงหนึ่งชาวบ้านได้ตะโกนบอกว่า “ยังรอเงินดิจิทัลอยู่นะครับ” ซึ่งนายกฯ ตอบกลับว่า “ครับ”

จากนั้นเวลา 14.00 น.นายกฯ เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย และ สส.น่าน เขต 1 ในฐานะเจ้าของพื้นที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.คณิศร อาสมะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายทรงยศ รามสูต สส.น่าน เขต 1 นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สส.น่าน เขต 3 และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย

โดยนายกฯ กล่าว ตอนหนึ่งว่า การมาจังหวัดน่านเป็นจังหวัดแรก เพราะเป็นจังหวัดที่เราวางไว้ว่าจะแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทั้งหมด ซึ่งวันนี้เราได้ประกาศไปว่าเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลนี้ ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่พวกท่านปล่อยปะละเลย แต่เป็นปัญหาที่กัดกร่อน และพวกท่านก็พยายามที่จะแก้ปัญหากันมาบนพื้นฐานที่สามารถทำกันได้ สังคมไทยมายาวนาน อันซึ่งพวกท่านก็พยามที่จะทำกันมาในพื้นฐานในพื้นที่ที่สามารถทำได้ แต่วันนี้ตนเชื่อว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่คณะตนมีทั้งรองนายกฯ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและตัวผมเองลงพื้นที่กันมา เพราะเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเกิดปัญหานี้ไม่ถูกแก้ไขตนว่าเรื่องนี้เป็นสารตั้งต้นของปัญหาต่างๆในสังคมไทย ทั้งปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่ปลอดภัยของประชาชนทุกคน เป็นปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากการที่ถูกเรียกหนี้ไม่เป็นธรรม ถูกชาร์จดอกเบี้ย และไม่ได้รับการดูแลจากหน่วยงานรัฐที่ควรจะต้องดูแล

แต่วันนี้ที่เรามาไม่ขอพูดเรื่องเก่า เราพูดถึงเรื่องใหม่ จากนี้ต่อไปจะเดินต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ ที่จังหวัดน่านมีคนมาแจ้งแล้ว 500 กว่าราย และมีมูลหนี้ประมาณ 33 ล้านบาท ตนอยากให้หน่วยงานความมั่นคง ซึ่งสามารถนั่งหัวโต๊ะและเรียกเจ้าหนี้และลูกหนี้มาให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายโดยเอากฎหมายเป็นที่ตั้ง ซึ่งหากเราสามารถทำกันได้ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ คิดว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้น และชีวิตของพวกเราทุกคน และชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ พวกเรานั่งอยู่ตรงนี้เราคือผู้รับใช้ประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลนี้ กำหนดว่าเป็นเรื่องที่เราต้องทำให้สำเร็จ ซึ่งเรามาที่จังหวัดน่านก็เป็นแพลตฟอร์มที่ให้เดินต่อไป และขอให้กระทรวงมหาดไทยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่ดูในเรื่องพื้นที่ ว่าให้ดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะตนเชื่อว่าปัญหายาเสพติด ปัญหาพนันออนไลน์ ปล้นจี้ตรงนี้ ก็จะได้รับการแก้ไขเชื่อมโยงไปด้วย ตนก็ขอฝากความหวังกับพวกท่านทุกคนอยากให้คืนรอยยิ้มให้กับประชาชนคนไทยทุกคน

อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ท้วงติงว่า ตัวเลขจำนวนลูกหนี้ที่มีแจ้งมากว่า 500 กว่ารายถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมีผู้มาแจ้ง 500 กว่าคน แต่การนำเข้ามาสู่ระบบถือว่าน้อยมากมีเพียง 100 กว่ารายเท่านั้น ฉะนั้นตนเสนอให้ใช้กลไกของกำนัน และ ผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่ไปดูและติดตาม ขอฝากอธิบดีกรมการปกครองด้วย ถ้าเขาคุณสมบัติไม่ครบตัดออกไปปัญหาก็จะไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ ตนไม่ได้ดูตัวเลข 500 กว่ารายที่แจ้งมา แต่ตนดูตัวเลข 100 กว่ารายที่เข้าสู่ระบบการเจรจา และหากเป็นไปได้อาจจะจัดตลาดนัดแก้หนี้ ที่ศาลากลางจังหวัด จัดเป็นอีเวนท์ทุกวันที่ 15 หรือวันเสาร์และอาทิตย์ เป็นต้น เพื่อให้ฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้มาพูดคุยกัน รวมถึงธนาคาร ซึ่งตรงนี้ตนถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี พร้อมเสนอว่า หากนำลูกหนี้และเจ้าหนี้เข้าสู่การเจรจาได้ 300 ถึง 400 ราย จะถือเป็นตัวเลขที่เรียกความมั่นใจได้ดีกว่า ซึ่งมันประหลานหากเขาเดือดร้อนแต่ข้อมูลไม่ครบ ซึ่งอาจจะขาดข้อมูลนิดเดียวแต่ตัดเขาออก ไปและไม่ยอมเรียกมา ตนฝากให้อธิบดีกรมการปกครองให้ดูเรื่องนี้หน่อย

จากนั้นนายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ว่าข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทยมีความชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้กำนันผู้ใหญ่บ้านและอำเภอจัดทีมออกไปออกไปสำรวจเพราะอาจจะมีประชาชนที่ไม่กล้าลงทะเบียนเพราะกลัวถูกข่มขู่ ดังนั้นเราก็จะต้องกระตุ้นลงพื้นที่ไปตามที่นายกฯสั่งการ เดี๋ยวจะหาว่าต้องมานั่งฟังนายกฯ ชี้นำเพราะกระทรวงมหาดไทยมีข้อสั่งการในเรื่องนี้อยู่แล้ว และเจ้าที่ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามข้อสั่งการของกระทรวงฯที่มีลำดับอยู่แล้ว

ต่อมาเวลา 14.28 น.นายกฯ ร่วมรับฟังการแก้ปัญหาหนี้ระหว่างประชาชน (ลูกหนี้)กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนที่จะรับฟังปัญหาได้กล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมเข้าใจว่าที่ผ่านมาบ้านเมืองพบกับปัญหาเศรษฐกิจ โควิด-19 ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนต้องไปพึ่งพาหนี้นอกระบบ วันนี้จึงมาพูดคุยพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะมาแก้ไขปัญหาขอยืนยันว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป รัฐบาลพร้อมจะให้การช่วยเหลือ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จังหวัดน่าน ตามแนวทางที่กรมการปกครองและกระทรวงมหาดไทยกำหนด มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 22 ธ.ค. จำนวนลูกหนี้ 563 ราย จำนวนเจ้าหนี้ 518 ราย ยอดหนี้มูลค่ารวม 33,041,242 บาท ส่วนสาเหตุการเป็นหนี้ 5 อันดับแรก ได้แก่ ด้านอุปโภค 602 ราย ด้านการลงทุน 496 ราย ต่อเติมที่อยู่อาศัย 109 ราย ค่าเทอม 288 ราย และการพนัน 17 ราย