“ชัยธวัช” ยันไร้ปัญหาร่วมงาน “เฉลิมชัย” ลั่นสภาเปิด ต้องหารือร่วมกันใกล้ชิด

‘ชัยธวัช’ จ่อประชุม-ทำงานใกล้ชิด ‘พรรคร่วมฝ่ายค้าน’ หลังโปรดเกล้าฯ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ อย่างเป็นทางการ แต่จะ ‘อภิปรายทั่วไป’ หรือ ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’ ขึ้นอยู่กับเนื้อหา-ความพร้อม คาดพิจารณางบฯปี 67 เสร็จช่วง มี.ค. ก่อนปิดสมัย

วันที่ 11 ธ.ค.2566 นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล(กก.) กล่าวถึงการหารือกันระหว่างพรรคฝ่ายค้านในการอภิปรายเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯว่า เมื่อสภาฯเปิดสมัยประชุมในสัปดาห์หน้า พรรคฝ่ายค้านคงมีการคุยกันใกล้ชิดมากขึ้น เดิมจากสมัยประชุมที่แล้ว เราได้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการร่วมกัน ซึ่งก็คิดว่าต้องรอกระบวนการโปรดเกล้าฯ ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งเมื่อได้ผู้นำฝ่ายค้านชัดเจนแล้วอย่างเป็นทางการ ก็ควรมีการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการด้วย ในขณะนี้กระบวนการโปรดเกล้าฯ ยังไม่เรียบร้อย แต่การทำงานในสภาฯ ต้องเริ่มแล้ว

ถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ จะทำให้การหารือกันง่ายขึ้นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็คงเหมือนเดิม ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใคร ซึ่งการทำงานร่วมกันต้องให้เกียรติกัน ถ้าเรามัวแต่ไม่ไว้วางใจต่อกันโดยไม่จำเป็น คงไม่สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีร่วมกัน

นายชัยธวัช กล่าวว่า ในช่วงต้นที่สภาฯเปิดคงให้ความสำคัญกับการพิจารณากฎหมาย ทั้งร่างกฎหมายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่างกฎหมายที่พรรคการเมืองต่างๆ และร่างกฏหมายที่ประชาชนเสนอเข้ามา เนื่องจากสภาฯ สมัยที่แล้ว ไม่ได้พิจารณาร่างกฎหมายเลย ขณะนี้มีร่างกฎหมายหลายฉบับที่จ่อเข้าอยู่ รวมถึงของรัฐบาลด้วย นอกจากนี้ ยังมีวาระสำคัญในการพิจารณาวาระสำคัญในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 โดยเมื่อพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งคาดว่าน่าจะเสร็จภายในช่วงเดือน มี.ค. 67 ก่อนที่จะมีการปิดสมัยประชุมอีกครั้ง ก็น่าจะทำให้เรามีเวลาในการอภิปรายใหญ่ได้ แต่จะเป็นการอภิปรายทั่วไป แบบไม่ลงมติ หรือเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คงจะมีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับเนื้อหา ข้อเท็จจริง ข้อมูล ในการทำงานของฝ่ายค้านว่า มีความพร้อมมากน้อยเพียงใด

ถามว่าจำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องมีการใช้สิทธิ์ของฝ่ายค้านในการอภิปราย หรือหากไม่มีประเด็นก็ไม่เปิดอภิปราย นายชัยธวัช กล่าว เอาเนื้อหาเป็นหลัก ส่วนประเด็นที่จะเปิดอภิปรายนั้น ยังต้องใช้เวลา แต่ในฐานะฝ่ายค้านก็ควรจะใช้โอกาสในสภาฯ ตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของฝ่ายบริหารให้เป็นประโยชน์ที่สุดกับพี่น้องประชาชน