ศึกชิงผู้นำปชป. เกมพลิก ส่ง “เฉลิมชัย” ลงชน “มาดามเดียร์” แทน “นราพัฒน์”

“เสียง สส.ส่วนใหญ่เรายังผนึกกำลังกันแน่นเหมือนเดิม” เป็นคำยืนยันจาก “แทน-ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีฯ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อันเป็นการตอกย้ำว่า ขั้วของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง” ยังคงเดินหน้าสู้ยึดพรรคประชาธิปัตย์มาบริหาร

ภาพปรากฎชัดเมื่อ “สส.21 คน” มาตั้งวงคุยกันวิเคราะห์อนาคตกับการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ในวันที่ 9 ธันวาคม อันเป็นการตั้งวงวิเคราะห์หลังจาก “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค หรือ วงศ์โอภาศรี ตัดสินใจเปิดตัวลงชิงหัวหน้าพรรค พร้อมประกาศเจตนารมณ์ “ฟื้นฟูพรรค เรียกศรัทธาคืน” ตามด้วยการออกคลิปส่งสัญญาณเจตนารมณ์ไปยังสมาชิกพรรคทั่วประเทศถึงความมุ่งมั่น

เอาเป็นว่ากระแสตอบรับดีเกินคาด จากผลสำรวจ “นิด้าโพลล์” เป็นเครื่องยืนยันว่า “มาดามเดียร์” มาเต็งหนึ่ง แต่มีคะแนนไม่ตัดสินใจมากถึง 28% เลือกมาดามเดียร์ 27% “นราพัฒน์” และ “อภิสิทธิ์” ยังตามหลังมาดามเดียร์ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูกกลุ่ม สส.สาย “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” ประเมินว่า นราพัฒน์ แก้วทอง ต้องแพ้ “มาดามเดียร์” จึงลงมติเปลี่ยนม้ากลางศึก ส่งเทียบเชิญ “เฉลิมชัย” มาลงชิงหัวหน้าพรรคเอง แต่เฉลิมชัยยังไม่ตัดสินใจ ขอเวลา 1-2 วันในการตัดสินใจ ส่วนตัว #นายหัวไทร อยากให้ “เฉลิมชัย” ตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุและผล ไม่ใช่เกิดจากแรงยุ แรงเชียร์

เหตุและผลที่ว่า คือภารกิจหนักในการนำพาพรรค ฟื้นฟูพรรค เรียกศรัทธาพรรคจากประชาชนกลับคืนมา “อุดมการณ์” ของพรรคต้องกลับมาพิจารณาทบทวน ตรงไหนสึกหรอ กร่อนไป จะเสริมเข้ามาอย่างไร เพื่อให้พรรคมีความเป็นพรรคที่ทันสมัย เขาผลักให้ไปอยู่ฝ่ายอนุรักษ์ก็ยอม ไม่ดันตัวเองไปอยู่ฝ่ายก้าวหน้า เสรีนิยมประชาธิปไตยตามอุดมการณ์ของพรรค

เหตุอีกประการที่ไม่ควรลืม คือการที่ เฉลิมชัย ประกาศกร้าวบนเวทีว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ สส.น้อยกว่าเดิม “จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต” จะกลับไป ประจวบคีรีขันธ์ ถ้าเฉลิมชัยกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เท่ากับ “เฉลิมชัย ตระบัตสัตย์” ครั้งสำคัญ นักการเมืองจำนวนไม่น้อยเสียผู้เสียคนกับการตระบัตสัตย์ นักการเมืองต้องพูดจริง ทำจริงไม่ทิ้งประชาชนเมื่อประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว ก็ไม่ควรมาจุ้นจ้านอะไรอีก ควรผันตัวเองไปทำอย่างอื่น ไม่ควรอยู่แม้กระทั่งเบื้องหลัง รักษาการหัวหน้าพรรคก็ไม่ควรรับแล้ว ถ้ายังมีใจรักประเทศชาติประชาชน ก็ยังมีบทบาทอื่นรองรับได้ ทำงานได้ มูลนิธิ สมาคม หรือ อะไรก็ได้ที่สามารถช่วยเหลือชาติประชาชนได้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมือง พรรคการเมือง

การเมืองไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันเพื่อชัยชนะเพียงด้านเดียว การเมืองมีหลากหลายมิติ แต่นักการเมืองที่ก้าวเข้ามาคิดว่าทำอย่างไรให้ชนะ ทำอย่างไรในการช่วงชิง “อำนาจรัฐ” มาอยู่ในมือ เข้าใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาบางอย่างต้องใช้งบประมาณของรัฐ ต้องใช้อำนาจรัฐ ต้องใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือ

แต่สถานการณ์ปัจจุบันของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการช่วงชิงอำนาจบริหารพรรค เพื่อนำพาพรรคไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ชาติประชาชน แต่เป้าหมายคือพวกพ้อง และผลประโยชน์ บรรดาโหวตเตอร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง ยังมีเวลาในการนั่งสมาธิ ให้เปิดปัญญา ตั้งสติคิดให้รอบคอบ เดินเข้าสู่ห้องประชุมโดยไม่มีแรงจูงใจอื่น นอกจากสติที่คิดได้ ปัญญาที่มุ่งหวังดีต่อชาติบ้านเมือง

อุดมการณ์ประชาธิปัตย์จะยังไม่ตายหรอก ถ้าพลพรรคทั้งหลาย มีสติ มีปัญญา และ มุ่งมั่นต่อชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้งตามเจตนารมณ์ของ “ควง อภัยวงศ์” ผู้ก่อตั้งพรรค เมื่อ 77 ปีก่อน !

#นายหัวไทร #หัวหน้าประชาธิปัตย์