“เทพไท เสนพงศ์” แจง เหตุผล 7 ข้อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คือทางรอดของ “ประชาธิปัตย์” ชี้ มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน สามารถเชื่อมต่อ คนในพรรค ได้ทุกกลุ่ม มีภาวะผู้นำที่คนในพรรคยอมรับได้
วันที่ 5 ธ.ค.66 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง” ระบุว่า… “อภิสิทธิ์” คือทางรอดของ “ประชาธิปัตย์”
การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่3 ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ เชื่อว่าจะได้ตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่อย่างแน่นอน จะไม่มีเรื่ององค์ประชุมล่มครั้งที่3อีกแล้ว เพราะครั้งนี้ทางพรรคได้เตรียมองค์ประชุมสำรองไว้ เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินองค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งไม่เคยมีการปฎิบัติแบบนี้มาก่อน
ถ้าดูจากกระแสข่าวพบว่า มีผู้เสนอตัวเข้าแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรค 2 คนคือ นายนราพัฒน์ แก้วทอง กับ นางสาววทันยา บุนนาค ซึ่งต่างก็มีจุดอ่อนและจุดแข็งที่แตกต่างกัน ถ้าหากดูจากกระแสภายนอกพรรค จะเห็นได้ว่า คะแนนนิยมของคุณวทันยา มีเหนือกว่า คุณนราพัฒน์ แต่ถ้าดูกระแสความนิยมภายในพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโหวตเตอร์ที่เป็นส.ส. คุณนราพัฒน์ จะมีคะแนนเหนือกว่าหลายขุม เว้นแต่จะมีส.ส.ซึ่งเป็นโหวตเตอร์ที่มีน้ำหนักคะแนนมากที่สุด จะปันใจไปเลือกคุณวทันยา มากขึ้นเท่านั้น
ผมในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าของพรรคประชาธิปัตย์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี เป็นคนไม่มีอนาคตทางการเมือง และไม่หวังผลตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ขอแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสามารถกอบกู้พรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่นิยมได้ คือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น
ซึ่งความเห็นของผมไม่ได้เกี่ยวกับ เรื่องที่ผมมีความสนิทสนมกับคุณอภิสิทธิ์เป็นการส่วนตัว หรือ เคยเป็นโฆษกประจำตัวให้คุณอภิสิทธิ์มาก่อน แต่จะสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ ด้วยเหตุผลดังนี้คือ
1.เป็นคนที่มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องหลักการประชาธิปไตย ซึ่งตรงกับอุดมการณ์ของพรรคข้อ 4 คือ ต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ และมีบุคคลิกตรงกับสโลแกนเดิมของพรรค คือ ประชาธิปัตย์ซื่อสัตย์ มืออาชีพ
2.เป็นคนมีสัจจะวาจา “คำไหน คำนั้น” ตัวจริง เมื่อพูดหรือประกาศทางการเมืองอย่างไร ก็ปฏิบัติอย่างนั้น ไม่มีการเลี่ยงบาลี หรือ ศรีธนญชัย แต่อย่างใด ซึ่งหาได้ยากในหมู่นักการเมืองยุคปัจจุบัน
3.สามารถเชื่อมต่อ เติมเต็มช่องว่างของกลุ่มคนภายในพรรค ได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าคนรุ่นเก่า รุ่นกลางหรือรุ่นใหม่ เป็นที่ยอมรับ มีบารมี หรือภาวะผู้นำเพียงพอ ให้คนในพรรคยอมรับได้
4.คะแนนนิยมหรือฐานเสียงของพรรค ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพ และ ภาคใต้ ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ ยังเป็นที่นิยม ซึ่งสามารถดึงฐานเสียงเหล่านี้ กลับมาสู่พรรคได้โดยเร็ว
5.ฐานเสียงเดิมของพรรค ที่เคยเลือกพรรคมาก่อน ประมาณ 11ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง และกลุ่มอนุรักษ์นิยม ครั้งที่ผ่านมา กลุ่มชนชั้นกลาง ส่วนหนึ่งหันไปเลือกพรรคก้าวไกล ส่วนกลุ่มอนุรักษ์นิยมส่วนใหญ่ หันไปสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ พรรคจึงเหลือคะแนนเพียง9แสนเสียงเท่านั้น ซึ่งตกต่ำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรรค จะกลับมาสนับสนุนพรรคเหมือนเดิม
6.ไม่มีข้อสงสัยในภาวะผู้นำของคุณอภิสิทธิ์ว่า สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน และอายุยังไม่ถึง 60 ปีซึ่งยังน้อยกว่าคุณเศรษฐา ทวีสิน เสียด้วยซ้ำไป มีความรู้ความสามารถ ในการนำเสนอประเด็นทางการเมือง ได้แหลมคมมากกว่านักการเมืองทุกคนในยุคนี้
7.พรรคจะเติบโต เรียกศรัทธา และความนิยมกลับคืนมาได้ ด้วยบทบาทการเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารได้อย่างเข้มแข็ง คุณอภิสิทธิ์เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ในการนำพรรค แสดงบทบาทในฐานะฝ่ายค้าน ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน และเรียกศรัทธากลับคืนมาได้เร็วที่สุด
คุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่ยาวิเศษ ถ้ากลับมาเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว จะทำให้พรรคเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็นพรรคการเมืองที่มี ส.ส.เกิน 100 คนเหมือนในอดีต แต่เชื่อว่าสามารถนำพาพรรคค่อยๆเติบโตทางการเมืองขึ้นได้ตามลำดับ เพิ่มจำนวน ส.ส.ได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นพรรคหลัก หรือขั้วการเมืองได้อีกในอนาคต.