เปิดชื่อคณะบริหาร “ท็อปนิวส์” แล้ว มองไม่ออกใครจะกล้าขัดแย้งกับ “สนธิญาณ”

การตัดสินใจทิ้ง “ท็อปนิวส์” ของ “ต้อย-สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถานีข่าวท็อปนิวส์ น่าสนใจยิ่งกับเหตุผล “เนื่องด้วยทิศทางธุรกิจผมกับคณะบริหารไม่ตรงกัน” ฟังดูเหตุผลแล้วดูเรียบง่าย แต่ภายในน่าจะเดือดปุดๆมาก่อนหน้านี้แล้ว จนมาถึงจุดระเบิดในที่สุด

ทิศทางธุรกิจไม่ตรงกันกับคณะผู้บริหาร จนนำมาสู่การทิ้งบ้าน เป็นเรื่องน่าสนใจ แค่ไม่มีใครให้รายละเอียดเพิ่มเติม

พลิกดูข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิตัล มีเดีย จำกัด ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มีกรรมการบริษัท ประกอบด้วย นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล (ภรรยานายกนก รัตน์วงศ์สกุล) นายตระกูล วินิจนัยภาค นายเอกชัย ชัยเชิดชูกิจ (คนสนิทของสนธิญาณ)นายชยธร ธนวรเจต นายเอกพันธุ์ แป้นไทย นางสาวกิ่งการะเกด ชื่นฤทัยในธรรม (บุตรสาวนายสนธิญาณ) นายพงษ์ศักดิ์ ชมสุวรรณ และ นางสาวสุธิดา สาริกุล

โดยกรรมการลงชื่อผูกพัน นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หรือ นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย หรือ นายเอกชัย ชัยเชิดชูกิจ หรือ นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล

ส่วนข้อมูลงบการเงินพบว่า ปี 2564 ซึ่งเป็นปีเริ่มก่อตั้ง “ท็อปนิวส์” มีรายได้รวม 192,067,527.00 บาท กำไรสุทธิ 10,329,294.00 บาท และปี 2565 มีรายได้รวม 224,422,932.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.84% กำไรสุทธิ 9,065,781.00 บาท ลดลง 12.23% โดยสรุปสองปีมีกำไร ไม่มีขาดทุน แต่ต้องหารายได้ให้มีใช้จ่ายแบบเดือนต่อเดือน เหนื่อยกันอยู่ไม่น้อย

ท็อปนิวส์ จะเล่นข่าวแนวหวือหวา ดุดัน ซึ่งมีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งติดตามชมอยู่ แม้จะอยู่บนทีวีดาวเทียมก็ตาม มีพิธีกรที่เป็นแม่เหล็ก อย่าง กนก รัตน์วงศ์สกุล ธีระ ธัญญะไพบูลย์ ปอง-อัญชะลี ไพรีรัก สันติสุข มะโรงศรี สนธิญาณเอง ก็ร่วมจัดรายการแนววิเคราะห์อยู่ด้วย

แต่ปัญหาความไม่ลงรอยน่าจะครุกรุ่นมานาน และขยายวงไปเรื่อย

ก่อนหน้านี้ สถานีข่าวท็อปนิวส์ เข้าร่วมเป็นผู้ผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์เจเคเอ็น 18 และ ยุบช่องทีวีดาวเทียมของตัวเอง แต่ยังใช้สถานที่เดิมย่านกิ่งแก้วเป็นที่ทำงาน ส่งสัญญาณมายัง JKN-18 ย่านแบริ่ง หลังจากเข้ามาร่วมผลิตกับ JKN ไม่นาน อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ประกาศข่าวตัวแม่ ก็โบกมือลาท็อปนิวส์ไปก่อนเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะไปรับหน้าที่ผู้อำนวยการข่าว เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ให้เหตุผลที่แท้จริง แต่ก็มีกระแสข่าวว่า เกิดจากทัศนคติไม่ตรงกันระหว่าง “สนธิญาณ” กับ “อัญชะลี” เรื่องแนวทางการทำงาน

แม้สนธิญาณจะให้เหตุผลชัดว่า ทิศทางการทำธุรกิจไม่ตรงกับคณะผู้บริหาร แต่เมื่อพลิกดูรายชื่อกรรมการบริหารแล้ว ส่วนใหญ่เป็นคนของสนธิญาณเอง ไม่ว่าจะเป็นฉัตรชัย เอกชัย ที่หอบหิ้วกันมาตั้งแต่ทำทีนิวส์แล้ว หรือ ปุ้ม-ลักขณา รัตน์วงศ์สกุล ภรรยาของกนก ก็หอบหิ้วกันมาจากเนชั่น กิ่งการะเกด ก็เป็นลูกสาวของสนธิญาณเอง มีบางคนที่ #นายหัวไทร ไม่รู้จัก แต่ถ้าดูรายชื่อคณะผู้บริหารส่วนใหญ่แล้วเป็นคนของสนธิญาณ จึงยังนึกไม่ออกว่า จะขัดแย้งกับ ใครในคณะผู้บริหาร

มาดูรายชื่อผู้หุ้นในท็อปนิวส์ ว่ามีใครบ้าง แน่นอนว่า เมื่อเริ่มก่อตั้งสนธิญาณถือหุ้นอยู่ถึง 95% คนอื่นๆอีกคนละเล็กน้อย เช่น ฉัตรชัย กนก ลักขณา ธีระ อัญชะลี ชยธร เอกชัย และอื่นๆ

แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้น (น่าจะเพิ่มทุน) ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่ม “ชื่นฤทัยในธรรม” เหลือแค่ 26% ฉัตรชัย เพิ่มเป็น 26% กนก 5% ลักขณา 5% อัญชะลี 4% ชยธร 4% ธีระ 4% เอกชัย 4% และอื่นๆอีก 21%

แม้กลุ่มสนธิญาณจะยังมีสัดส่วนการถือหุ้นมากเกิน 25% แต่ “ฉัตรชัย” คนเดียวถือหุ้นมากถึง 26% รายอื่นๆก็ 4-5%

ก็ไม่รู้ว่านี้จะเป็นสาเหตุทำให้ “สนธิญาณ” ต้องไขก็อกหรือเปล่า กับการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยะสำคัญ

แต่ข้อมูลในเชิงลึก ระบุว่า การตัดสินใจเข้าไปร่วมผลิตรายการกับ jkn ก็น่าจะมีส่วนในการตัดสินใจถอยออกมาของ “สนธิญาณ” เพราะโฆษณาไม่ได้เข้ามาตามเป้าที่วางไว้เมื่อเทียบกับงบลงทุน การที่โฆษณาไม่เข้าเป้า ส่วนหนึ่งที่สำคัญมาจากการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ทีวีเลือกข้าง จึงน่าจะประสบปัญหาในการสนับสนุนการผลิต นายทุนอาจจะถูกบีบโดยผู้มากบารมี ไม่ให้ซื้อโฆษณา หรือ สนับสนุน “ท็อปนิวส์” ก็เป็นได้

มองไปข้างหน้ากับตัวเลขรายได้กับเวลาอายุสัญญาทีวีดิจิทัลที่เหลืออยู่ 6 ปี ไม่น่าจะคุ้มกับงบประมาณที่ลงทุนไป

การถอยออกมาเวลานี้ จึงน่าจะเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสม เพื่อไปดูแลธุรกิจโรงแรมที่สิชล ซึ่งลงทุนไปเยอะแล้ว หรือ จะพลิกตัวไปสู่การเมืองก็ยังไม่สาย !

#นายหัวไทร #ท็อปนิวส์