“คมนาคม” เนื้อหอม! เยอรมันสนใจร่วมลงทุน โครงการ “แลนด์บริดจ์”

กระทรวงคมนาคม เนื้อหอม เยอรมัน สนลงทุนแลนด์บริดจ์ วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ทูตรับปากพร้อมชงรัฐบาล-ชวนไทยโรดโชว์ดึงเอกชนร่วมลงทุน จ่อเตรียม PPP ร่วม ทอท. เดินหน้าให้บริการภาคพื้น-ครัวการบิน

วันที่ 8 พ.ย.2566 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลัง นายแอ็นสท์ ว็อล์ฟกัง ไรเชิล เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย และ คณะเข้าพบ เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่ง โดยเยอรมันให้ความสนใจโครงการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนาดใหญ่ประเทศไทย โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย (แลนด์บริดจ์) เนื่องจากเห็นว่า เป็นโครงการ ที่สามารถดึงนักลงทุนเข้ามาร่วมได้ หลังจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ จะนำเรื่องไปแจ้งให้รัฐบาลเยอรมันทราบถึงรายละเอียดของโครงการ เพื่อเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาร่วมลงทุน ในลักษณะร่วมมือกับบริษัทเดินเรือ ดังนั้นไทยจึงมีแผนจะเดินสายประชาสัมพันธ์โครงการ (โรดโชว์) ไปยังประเทศเยอรมันด้วย

นอกจากนี้ เยอรมันยังให้ความสนใจลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนจากประเทศเยอรมันได้เข้าร่วมโครงการรถไฟฟ้าก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินของไทยอยู่แล้ว จึงให้ความสนใจที่เข้าร่วมลงทุนด้วย ขณะเดียวกันเยอรมันให้ความสนใจร่วมลงทุน (PPP) อาทิ บริษัท ลุฟท์ฮันซ่า สายการบินเยอรมัน จำกัด และ บริษัท แอลเอสจี สกายเชฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามาร่วมลงทุนการให้บริการภาคพื้นและครัวการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เนื่องจากทั้ง 2 บริษัท มีประสบการณ์เกี่ยวกับการให้บริการภาคพื้นและครัวการบินอยู่แล้ว

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ยังได้หารือถึงโครงการความร่วมมือไทย-เยอรมัน ด้านพลังงาน คมนาคม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคขนส่งและการขนส่งอย่างยั่งยืนอีกหลายโครงการ ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีกรอบแนวทางพัฒนาด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น Green Transport เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และ PM 2.5 เน้นย้ำให้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกในระบบการเดินทางและขนส่งทั้งในรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ เรือโดยสารและระบบการขนส่งต่างๆ รวมทั้งการบูรณาการ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการจราจร

รายงานข่าว แจ้งว่า ความคืบหน้าการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EHIA) และเตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นประชาชนกลุ่มย่อยที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง ช่วงเดือน ธ.ค.2566 จากนั้นจะประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 เพื่อสรุปผลการศึกษา ช่วงเดือน มี.ค.2567 จากนั้นนำความคิดเห็นมาประกอบผลการศึกษา และ คาดจะสรุปผลการศึกษาเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการช่วงปลายปี 2567

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมมีแผนโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่เดือน พ.ย.2566-เดือน ม.ค.2567 ไม่ว่าจะเป็น ประเทศสหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดูไบ ซาอุดิอาระเบีย ประเทศกลุ่มยุโปร อาทิ เยอรมัน และสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศในกลุ่มเชียตะวันออก อาทิ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดยประเทศต่างๆ เป็นประเทศที่มีเงินทุน มีเทคโนโลยี และผู้ประกอบการสายการเดินเรือขนาดใหญ่ ในการเข้ามาร่วมลงทุนและบริหารจัดการสายการเดินเรือ-ท่าเรือ รวมทั้งมีบางประเทศ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่พยายามรูปอแบบธุรกิจ โดยนำเงินจากธุรกิจน้ำมันมาลงทุนในธุรกิจอื่นๆ

อย่างไรก็ตามหลังจากโรดโชว์เสร็จแล้ว กำหนดให้เอกชนยื่นข้อเสนอเดือน เม.ย.-มิ.ย.2568 จากนั้นจะเสนอ ครม.เห็นชอบรายชื่อผู้ชนะการประมูลในโครงการภายในเดือน ส.ค.2568 และให้เอกชนที่ชนะการประมูลเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ย.2568 โดยโครงการนี้จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 5 ปี และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในเดือน ต.ค.2573

สำหรับผลการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ เบื้องต้นจะใช้วงเงินรวมกว่า 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น โครงการท่าเรือฝั่งชุมพร 3 แสนล้านบาท, โครงการท่าเรือฝั่งระนอง 3.3 แสนล้านบาท, โครงการพัฒนาพื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (SRTO) รวม 1.4 แสนล้านบาท และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือ วงเงินราว 2.2 แสนล้านบาท