“ภูมิธรรม เวชยชัย” รมว.พาณิชย์ ชง‘ครม.’ถกด่วน ‘ตรึงราคาน้ำตาลทราย’ หลังจ่อขยับราคาพุ่งพรวด 4 บาท หวั่นประชาชนเดือดร้อน เสนอกลับใช้มาตรการควบคุมราคา ชี้ปล่อยแข่งขันเสรี ตามที่รัฐบาลปฏิวัติทำไว้กระทบหลายภาคส่วน
วันที่ 31 ต.ค.2566 เวลา 08.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาราคาน้ำตาลทรายที่เตรียมจะขยับราคาขึ้น 4 บาท ซึ่งในอดีตเราเคยถูกบราซิลฟ้องมาแล้ว ล่าสุดได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ด้วยหรือไม่ว่า เรื่องปัญหาน้ำตาลที่มีคดีฟ้องร้องกับบราซิล ซึ่งตอนนั้นราคาตลาดโลกค่อนข้างต่ำ ขณะที่เราขึ้นราคาภายในประเทศ ถูกมาก จึงทำให้บราซิลรู้สึกว่า เราไปทำให้ตลาดการแข่งขันของเขาเกิดความเสียเปรียบ แต่หลังการฟ้องร้องก็ได้มีการเคลียร์กัน หลายเรื่องจนเกือบจะจบแล้ว ดังนั้นสิ่งที่คุยกัน จึงไม่มีปัญหาอะไร แต่คราวนี้ราคาตลาดโลกสูงมากและราคาภายในประเทศ แม้เราจะขยับอย่างไร เพิ่มอย่างไรก็ไม่มีผล ไปแข่งขันอะไรกับเขา ดังนั้นเรื่องบราซิลไม่น่าจะมีปัญหาทั้งนี้ที่กระทรวงพาณิชย์ตัดสินใจนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นผลจากที่ได้มีการเรียกประชุมด่วนคณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ กกร. เพราะเราได้รับเสียงร้องขอหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่องเกี่ยวกับการขึ้นราคาน้ำตาลทรายทีเดียว 4 บาท ซึ่งผู้บริโภคภายในประเทศได้รับผลกระทบโดยตรง สิ่งที่สำคัญเมื่อราคาน้ำตาล ขยับขึ้น 4 บาท ได้กระทบไปถึงภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อีกหลายตัว ซึ่งนโยบายรัฐบาลตอนนี้ เราต้องการจะตรึงราคา เพื่อเป็นการลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน จึงไม่อยากให้ประเด็นนี้เป็นปัญหา โดยกระทรวงพาณิชย์จึงได้ประชุมด่วน ซึ่งก่อนการประชุมตนได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงทิศทางของปัญหา และการประชุมวานนี้ 30 ตุลาคม คณะกรรมการน้ำตาลและอ้อยได้มาร่วมประชุมด้วย ได้พูดถึงปัญหาหลายอย่าง ที่จะกระทบทุกๆส่วน ดังนั้นเงิน 4 บาทที่ขึ้นหากนำ 2 บาทไปจ่ายกองทุน และดูแลสิ่งแวดล้อม และอีก 2 บาทนำไปชดเชยเกษตรกร
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราคิดว่าขณะนี้อย่างน้อยที่สุดต้องตรึงราคาไว้ โดยการตรึงราคาก็ต้องนำเข้ามาเป็นสินค้าควบคุม และก็เคยควบคุมอย่างนี้มาตลอด พึ่งมาปล่อยให้เป็นเสรีสมัยรัฐบาลคณะ ปฏิวัติ รัฐประหาร และขณะนี้ปัญหาไปอยู่ที่พี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นผู้บริโภค รับภาระหนักทั้งหมด ดังนั้นกองทุนสิ่งแวดล้อม 2 บาท ตนคิดว่าจริงๆประชาชนไม่ได้เป็นผู้ไปสร้างให้เกิด มลภาวะในเรื่องนี้อย่างเดียว แต่มีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นการที่จะพิจารณาเรื่องนี้ควรต้องให้ทุกส่วน ที่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วย ตนจึงได้ให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปหาแนวทางจะทำอย่างไรหรือจะแบกรับกันอย่างไร แบ่งปันทุกอย่างอย่างไรไม่ใช่อยู่ๆเอาทุกอย่างไปโยนให้กับประชาชนที่เป็นผู้บริโภคทั้งหมด
ส่วนอีก 2 บาทเราได้คำนึงถึงพี่น้องชาวไร่อ้อยที่ได้รับความเดือดร้อน กับปัญหาที่เผชิญ จึงได้ให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปหามาตรการหรือหาทางออก โดยรัฐยินดีสนับสนุนในการที่จะ ดูแลเรื่องนี้ ถือเป็นการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนซึ่งขณะนี้ชาวไร่อ้อยหากรัฐจะเข้าไปช่วยดูแลคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ดังนั้นอยากกราบเรียนพี่น้องชาวไร่อ้อย ระหว่างนี้จะพยายามดูทุกส่วนให้เกิดประโยชน์ หรือไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินกว่าควรจะเป็น
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ส่งออกเมื่อราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงเขาก็ได้ประโยชน์อยู่แล้ว โดย มีการควบคุมการส่งออก 1,000 กิโลกรัมหรือ 1 ตันสามารถส่งได้ตามปกติ หากเกินจากนี้ต้องมาขออนุญาตตรงนี้ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณามาตรการที่จะดูแลเมื่อเป็นสินค้าควบคุมจะมีบทกฎหมายลงโทษ ซึ่งขณะนี้เราใช้มาตรการนี้ เพื่อที่จะตรึงราคา โดยสรุปแล้วน้ำตาลทรายในประเทศใช้ประมาณ 2 ล้านตันเราก็ตรึงไว้ตรงนี้จะต้องมีมาตรการน้ำตาลจะต้องไม่ขาดตลาดส่วนที่เหลือจะเป็นการส่งออก
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า เป็นภาวะที่เราลำบาก ทั้งหมดกับสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจ ฉะนั้นทุกส่วนล้วนมีความสำคัญผู้ผลิตก็สำคัญผู้ส่งออกก็สร้างรายได้ให้กับประเทศผู้บริโภคที่เป็นคนไทย เราไม่ควรผลักภาระไปให้ผู้บริโภคดังนั้นจะต้องมี กระบวนการหรือมาตรการตระเตรียมอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อให้เข้าใจสิ่งต่างๆและดูราคาที่ยุติธรรม ตนได้หารือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบและได้คุยกัน คิดว่า จะมีทางออกที่ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะป้องกันการลักลอบไปขายต่างประเทศพอได้ราคาดีกว่าอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า อันนี้เป็นความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้ไม่ใช่พึ่งมีตอนนี้มีมาโดยตลอดแต่ขณะนี้ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่วางไว้และความเข้มงวดกวดขันกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เราจะพยายามอย่างยิ่งที่จะจัดการเรื่องนี้ไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลขาดตลาด การลดราคาควบคุมกรุงเทพมหานครปริมณฑล นนทบุรีปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาครสมุทรสงคราม แต่สำหรับที่ต่างไปได้มอบให้ผู้เกี่ยวข้องไปคำนวณต้นทุน ตามระยะทางที่เพิ่มขึ้น โดยคำนวณต้นทุนจริงๆไม่ใช่กำหนดราคาขึ้นตามอำเภอใจ