สาวกธรรมกายสติแตก โยนมุสลิมรับบาปทำลายพุทธ หลังจนท.เตรียมจับธัมมชโย

สาวกธรรมกายสติแตก โยนมุสลิมรับบาปทำลายพุทธ หลังจนท.เตรียมจับธัมมชโย ขณะที่การวางแผนจับกุมยังล้มเหลว

หลังเจ้าหน้าที่เตรียมเข้าจับกุมธัมมชโย ได้มีกลุ่มบุคคลที่คาดว่า เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย นำประเด็นอิสลามยึดประเทศมาสร้างกระแส ปลุกระดมสาวก ขณะการวางแผนจับยังล้มเหลว

มีการส่งต่อข้อความใส่ร้ายมุสลิมและอิสลามตามสังคมโซเชียล ห้องไลน์และเฟสบุคต่อเนื่องมาตลอด 2 วัน หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และทหาร เตรียมเข้าจับกุมพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ถูกตั้งข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์และฟอกเงิน
ตัวอย่างข้อความ อาทิข้อความที่ส่งจากผู้ที่ใช้ชื่อว่า พุทฺธิชยางกูร ทวีปยุโรป
ขึ้นสเตตัสว่า ส่งจาก Amphoe Khlong Luang, Bangkok ระบุว่า อิสลาม มหาเทฯ อดีตนายกมาเลย์ มาพักที่โรงแรงดุสิต จ่ายหนักจ่ายงาม สั่งลุยวัด พร้อมของทุ่นแรง ( สาวก ) ตำรวจไทยใจเด็ดของตั้งโต๊ะประชุมลุยจับพระ

ข้อความส่วนใหญ่ เขียนในทำนองว่า อิสลามอยู่เบื้องหลังการจับธัมมชโย สั่งตำรวจลุยวัด เพื่อปลุกกระแสความเกลียดชังต่อมุสลิม และกล่่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าดำเนินการเพื่อทำลายพุททธศาสนา ซึ่งโดยข้อเท็จจริง การดำเนินคดีกับอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เนื่องจากกระทำความผิดยักยอกทรัพย์และฟอกเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น สร้างความเสียหายนับหมื่นล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าในการจับกุมตัวพระธัมมชโย วันนี้ (12 ธันวาคม)กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายทหารพระธรรมนูญ ได้ประชุม ร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการเข้าตรวจค้น-จับกุมพระไชยบูลย์ ธัมมชโย ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง

ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุม ยังไม่ได้ข้อยุติ ติดปัญหาการประกอบกำลังพล โดยเฉพาะด้านนิติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ยังไม่สอดคล้องกับแผน จึงต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมในด้านดังกล่าว

ซึ่งนิติวิทยาศาสตร์หมายถึงนิติวิทย์ฯของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง หากพร้อมก็จะดำเนินการตามแผนทันที เนื่องจากขอหมายค้นจากศาลต้องสามารถตอบคำถามและรายงานกับศาลให้ได้ หรือในกรณีที่เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการแล้วเกิดการขัดขวางแล้วหน่วยใดจะถ่ายรูปเก็บหลักฐานเพื่อรายงานศาล อย่างไรก็ตาม แผนปฏิบัติการจะสามารถเสร็จภายในสัปดาห์นี้ได้หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส

ทั้งนี้ ไม่มีการปิดกั้นมวลชนไม่ให้เข้าวัด ยังสามารถเดินทางมาได้ปกติ แต่การจัดกำลังพลจำนวนมากก็เพื่อดูแลความปลอดภัยของมวลชนที่นั่งสวดมนต์กันอยู่ และป้องกันการแทรกแซงจากบุคคลที่สาม

รองผบ.ตร. กล่าวอีกว่า หากการนำกำลังเข้าตรวจค้นไม่ได้รับความยินยอมจากวัด เจ้าหน้าที่ก็ไม่จำเป็นต้องง้อวัด เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ระบุไว้ชัดเจนว่า สามารถใช้บุคคลภายนอก 2 คนนำค้นได้ ส่วนความเป็นไปได้ที่ตำรวจจะเป็นผู้เข้าค้นแล้วให้ดีเอสไออายัดตัวภายหลังได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำสั่งขอผบ.ตร. หากมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งสามารถดำเนินการได้ทันที ขณะนี้ยังเป็นไปตามคำสั่งเดิมคือให้ตำรวจสนับสนุนการทำงานของดีเอสไอเท่านั้น

ส่วนกรณีที่นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกวัดพระธรรมกายที่ออกมาระบุถึงการใช้กำลัง 3,000 นายปฏิบัติตรวจค้นว่า กำลังส่วนใหญ่เป็นตำรวจชั้นประทวน ยศต่ำกว่าร้อยตำรวจตรี ซึ่งไม่มีอำนาจในการเข้าค้นตามป.วิอาญา มาตรา 97 นายองอาจก็จบกฎหมายน่าจะรู้ดี แต่จะเป็นการเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือไม่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล

“ในการปฏิบัติการ คนสวดมนต์ก็สวดไป ตำรวจไม่ใช้อาวุธ แต่ขออย่าให้ทำตัวเป็นโจรก็แล้วกัน ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ครั้งก่อนที่เข้าค้นก็เห็นว่ามีการปิดหน้า ปิดตา ยืนยันกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จะเข้าไปดูแลประชาชน รวมถึงการเฝ้าระวังในจุดสูงข่มเพื่อป้องกันไม่ให้มีบุคคลอื่นเข้ามาก่อเหตุร้าย ” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยวัน เวลา การเข้าค้นได้ และพิกัดที่จะเข้าค้นว่าจะครอบคลุมอาณาบริเวณใดบ้างภายในวัดธรรมกาย เพราะรายละเอียดทุกอย่างอยู่ในแผนปฏิบัติการ รวมถึงการจะค้นต่อเนื่องหรือไม่ก็คงไม่สามารถเปิดเผยได้เป็นเรื่องของแผนปฏิบัติการ ส่วนจะให้ตำรวจนำการจับกุมและให้ดีเอสไอรออายัดตัวนั้น ขณะนี้ดีเอสไอยืนยันว่าใช้กฎหมายแบบบูรณาการ มีการสนธิกำลังร่วมกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว