“พลพีร์” เผย “ศักดิ์สยาม” ผู้ปิดทองหลังพระ สู้จนชนะคดี “โฮปเวลล์”

“พลพีร์ สุวรรณฉวี” สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟสบุ๊ค ชื่นชม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” อดีต รมว.คมนาคม เป็นผู้”ปิดทองหลังพระ” หลังไม่ยอมรับชะตากรรม ปมศาลปกครองสูงสุด สั่งให้ จ่ายค่าเสียหายต่อ บ.โฮปเวลล์ฯ แต่ มุ่งมั่นสู้คดีจนได้รับชัยชนะ ทำให้รัฐบาล ไม่ต้องเสียค่าโง่ถึง 2.7 ล้านบาท

วันที่ 19 ก.ย. 2566 นายพลพีร์ สุวรรณฉวี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หลังไทยชนะคดี ที่โฮปเวลล์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ในการยกเลิกสัญญาจากกระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เมื่อศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ปมค่าโง่ 2.7 หมื่นล้าน ระบุว่า

“ผู้ปิดทองหลังพระ”

ชัยชนะในการต่อสู้คดีโฮปเวลล์ มหากาพย์ 3 ทศวรรษ กับค่าโง่เกือบ 3 หมื่นล้านบาท ถึงคราวได้บทสรุปสำคัญ ที่เรียกเสียงเฮจากคนไทยทั่วประเทศ

เมื่อศาลปกครองกลางพิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ เพิกถอนคำชี้ขาดของ คณะอนุญาโตตุลาการที่ให้ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยชดใช้ค่าเสียหายแก่ บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

เรื่องนี้ เอาเข้าจริง ทางการไทย เกือบจะยกธงขาวไปตั้งแต่ที่ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งวันที่ 22 เมษายน 2562 ให้ กระทรวงคมนาคม โดย รฟท.ดำเนินการตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ต้องจ่ายชดเชยให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ซึ่งการต่อสู้ล่วงเลยมาจนทางฝ่ายเอกชน เรียกร้อยค่าเสียหายเพิ่มสูงถึง 2.7 หมื่นล้านบาท

ซึ่งมีข่าวว่า ฝ่ายรัฐเอง ไม่อยากจะไปต่อแล้ว เพราะจะเป็นการฝืนจนเกินไป และจะเป็นช่องให้ถูกเรียกค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไปอีก

แต่เป็น กระทรวงคมนาคม ในยุคที่มีรัฐมนตรี ชื่อ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ นี่เอง ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร ที่ขอสู้ต่อ

มันจะเป็นอะไรไป ถ้าจะขอลุยอีกสักตั้ง

นี่คือความคิดของ “รัฐมนตรีโอ๋” เมื่อครั้งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ จากนั้น มีการระดมทีมกฎหมายของกระทรวงคมนาคม โดยได้รับการประสานช่วยเหลือจากทีมนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อหาช่องทางสู้คดี กระทั่งเห็นโอกาสที่จะพลิกเกม

คือเรื่องของเงื่อนเวลา ที่ต่อมาจะเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้ภาครัฐพลิกชนะคดี

“มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า หากนับอายุความเมื่อศาลปกครองเปิดทำการ ที่กำหนดว่าคดีข้อพิพาทก่อนจัดตั้งศาลปกครองนั้น จะต้องยื่นมายังตุลาการภายใน 1 ปี หลังจัดตั้งศาล และมีอายุความไม่เกิน 10 ปี แต่กลับพบว่าคดีโฮปเวลล์นี้ได้มายื่นคำร้องต่อศาลล่าช้ากว่ากำหนด”

นี่เองคืออาวุธสำคัญ และเป็นคำพิพากษาของตุลาการ ที่ทำให้ศาลปกครองกลางยกเลิกคำสั่งของอนุญาโตตุลาการ ในการให้ฝ่ายรัฐ ต้องชดใช้บริษัทเอกชน ในที่สุด

ความสำเร็จนี้ เกิดไม่ได้ หากขาดมือกฎหมายชั้นครูอย่าง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”

ไปจนถึงคณะทำงาน และทีมงานทุกคน

แต่มีอีกหนึ่งคนที่เป็นหนึ่งในผู้จุดไฟแห่งการต่อสู้นี้ขึ้นมาใหม่ เป็นรัฐมนตรีคมนาคม ที่เข้ามารับเผือกร้อน เรื่องค่าโง่โฮปเวลล์ ที่เขาตัดสินใจไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมให้คำว่ายถากรรมทำงานของมัน และเดินหน้าลุยต่อ เป็นหนึ่งในคนที่จุดความหวังสู่ชัยชนะในบั้นปลาย

ชายคนหนึ่งที่ กล้าคิดเรื่องพลิกเกม ทั้งที่พ่ายแพ้ไปกว่าครึ่งตัว

ชายที่ชื่อว่า

“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”