พลันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ก็มีคำถามพุ่งมามากมาย เกี่ยวกับบุคคลที่หลุดจากตำแหน่งไป จากเดิมที่เคยอยู่ในโผว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ก็ให้เป็นที่สงสัยว่าเกิดจากอะไร พรรคการเมืองบางพรรคก็ถูกปรับลดโควต้าลง ทัังๆที่เคยมีโควต้าตามสัดส่วน 9 : 1
ตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งรัฐมนตรี พบว่ามีการโปรดเกล้าลงมาเพียง 34 คน ทั้งๆที่ควรจะเป็น 35+1 คือบวกนายกรัฐมนตรีอีก 1 คน
ตรวจสอบลึกลงไปพบว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้มาเพียง 3 ตำแหน่ง คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ชื่อของ “ไผ่-ลิกค์” ที่มีโผว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ แต่หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ คุณสมบัติไม่ผ่าน หรือ ถูกตัดโควต้าก็ไม่ทราบ แต่ถ้าตัดโควต้า ก็ไม่เห็นว่าจะเอาไปเพิ่มให้ใคร ตรงไหน เรื่องนี้พลังประชารัฐจะว่าอย่างไร มี สส.40 คน แต่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 3 คน ซึ่งข้อเท็จจริงควรจะได้ 4+ ด้วยซ้ำไป
หรือ เกิดจากการเอาคืนของเพื่อไทย ที่เสียงของพลังประชารัฐมาไม่เต็ม มาแค่ 39 จาก 40 และ คนที่ไม่มาเป็นถึงหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ เสียงสมาชิกวุฒิสภาสาย พล.อ.ประวิตร ก็มาแค่หร่อมแหร่ม 4-5 คน จึงถูกตัดโควต้ารัฐมนตรีลง แต่โดยมารยาทควรจะบอกกล่าวกันก่อนไหม
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ เสียงเต็มทั้ง 36 เสียง แถมเสียงสมาชิกวุฒิสภา สาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เอาว่าเป็นเนื้อเป็นหนัง มี สส.36 คน แต่มีรัฐมนตรีถึง 5 ที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็น พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีพลังงาน นายกฤษณะ จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยคลัง (คนนอก) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยเกษตร นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม เป็นต้น เอาเป็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเนื้อเป็นหนังกว่าเยอะ
นอกจากนี้ยังมีชื่อบุคคลที่เคยอยู่ในโผ แต่หลุดมือไปตอนไหนไม่รู้ นอกจาก “ไผ่ ลิกค์” แล้ว ยังมี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” ที่ควรได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลฝ่ายกฎหมาย และ ช่วยงานพรรคมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย มีมือดีเข้ามาล่วงโผ ดัน “พิชิต ชื่นบาน” อดีตทนายถุงขนม เข้ามาเสียบแทน “ชูศักดิ์” โดยไม่ได้ดูคุณสมบัติ ว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนถึง 6 เดือน ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติ “พิชิต” จึงหลุดไปอีกคน สรุปง่ายๆว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย หรือ จะให้ “พีระพันธ์” ดูแลแทน ในฐานะอดีตผู้พิพากษา
ส่วน พิชชารัตน์ เลาหพงษ์ชนะ ที่เคยมีชื่อเข้าวินในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ก็หลุดไปเหมือนกัน โดยมี พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาสวมแทน ทราบว่า นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ขอเปลี่ยนตัวเอง ต้องการคนมีประสบการณ์เข้ามาทำงาน จึงโยก “พิมพ์ภัทรา” จากช่วยมหาดไทย มานั่งว่าการอุตสาหกรรมแทน “พิชชารัตน์” ทำให้ชื่อของพิชชารัตน์ หายไปจากสารบบ 2-3 วันแล้ว
วิทยา แก้วภารดัย ก็มีชื่อเข้าชิงในรอบแรก ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข แต่ชื่อหลุดไปเมื่อเข้ารอบสอง ซึ่งเจ้าตัวอาจจะขอถอนเองก็เป็นได้ เพราะเคยนั่งว่าการสาธารณสุขมาแล้ว
ชื่อ “อดิศร เพียงเกษ” หมอแคนจากพรรคเพื่อไทยก็ไปเข้ารอบ ไม่แตกต่างจาก “เสี่ยอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง แต่ดูเหมือนว่า จะมีชื่อคนใหม่ๆ แปลกๆเข้ามาแทนหลายตำแหน่งอยู่เหมือนกัน เช่น จักรพงษ์ แสงมณี มากพรรคไหนไม่ทราบ เข้ามานั่งช่วยต่างประเทศ
การตั้งรัฐบาลคราวนี้ พรรคที่เจ็บกระดองใจมากที่สุดน่าจะเป็น พลังประชารัฐ ที่มี สส.มากกว่ารวมไทยสร้างชาติ แต่ได้รัฐมนตรีน้อยกว่า ถึงเวลาพลังประชารัฐ ต้องมานั่งขบคิดแล้วละ จะว่าโควต้าเต็มก็ไม่ใช่ เพราะตั้งยังขาดอยู่อีก 2 ตำแหน่ง หรือ ใครบางคนขาดคุณสมบัติ ส่งคนใหม่มาก็ตรวจสอบไม่ทันแล้ว เพราะรายชื่อส่งหมดแล้ว จะรอก็ไม่ได้ เพราะกำหนดการวางไว้หมดแล้ว วันศุกร์นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้า ประมาณกาลว่า น่าจะโปรดเกล้าลงมา “เสาร์ หรือ อาทิตย์” วันจันทร์เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน วันอังคารก็จะประชุม ครม.นัดแรก วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา “ลุงตู่”จึงมีอีเว้นท์ อำลาทำเนียบรัฐบาลด้วย “รอยยิ้ม-น้ำตา”
แค่เริ่มต้น รัฐบาล “เศรษฐา 1” ก็เห็นรอยร้าวแล้ว และน่าจะเป็นบทลงโทษที่สาสมกับ “เพื่อไทย” ต่อ “พลังประชารัฐ”
#นายหัวไทร #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน #ครมเศรษฐา