มึน! พี่น้องมุสลิมไปอุมเราะห์นำข้าวทานในห้องละหมาด ฝากแซะแก้ปัญหาด้วย

 

(24 เมษายน) วันนี้ผมไปรับเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่บินมาจากประเทศบรูไนดารุสซาลาม ตามที่ผมได้โพสต์ลงในช่องไลน์กลุ่มพวกเรานี้มาแล้วเมื่อวานว่านี้ จะต้องไปรับท่านผู้นี้เมื่อเสร็จภารกิจดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ขึ้นไปละหมาดยังห้องละหมาดที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเราเองโดยการอนุมัติ สมัยที่ฯพณฯวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ห้องละหมาดนี้จะอยู่ชั้น 3 ตรงข้ามกับประตู 6 ในสนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อเข้าไปจะละหมาดก็เห็นพี่น้องจาก 3 จังหวัดภาคใต้กลับจากการทำพิธีอุมเราะห์ จากนครมักกะห์ประเทศซาอุดิอาระเบียนั่งกินข้าวกล่องในห้องละหมาดเต็มพื้นที่จนผมไม่สามารถที่จะเดินเข้าไปได้ จึงได้สะกิดเตือนพร้อมกับบอกว่าขอทางเดินหน่อยครับ

จริงๆแล้วนี่คือห้องละหมาดไม่น่าจะนำอาหารมากินเพราะกลิ่นจากอาหารของพวกเราจะไปรบกวนผู้ที่ดำรงการทำละหมาดและคำว่ามุซอลลา หรือว่ามัสยิดก็ตามก็คือบ้านของอัลเลาะห์ เป็นที่ ที่สำหรับละหมาดไม่ใช่สถานที่สำหรับ รับประทานอาหาร ครั้งเมื่อผมละหมาดเสร็จแล้วกำลังจะเดินไปใส่รองเท้าเพื่อที่จะออกจากห้องละหมาด ก็ได้มีพี่น้องท่านหนึ่งปรี่เข้ามาที่ผมพร้อมกับถามผมว่าคุณเป็นคนที่ไหนจึงบอกไปว่าบ้านเดิมอยู่ที่จังหวัดนราธิวาสครับจากนั้นเราก็พูดมาลายูกัน เขาถามว่าจังหวัดนราธิวาสนั้นน่ะอยู่ตรงไหน ผมจึงตอบไปว่าอำเภอรือเสาะครับ และยังถามผมตอบไปว่าอำเภอรือเสาะนั้นมันอยู่ตรงไหนของอำเภอรือเสาะจึงตอบไปว่าบ้านสุเป๊ะตำบลเรียงอำเภอรือเสาะ(โดยหลักแห่งมารยาทหรืออารยธรรมแล้วเขาจะไม่ไล่เลียงสอบสวนคนในลักษณะนั่นเลยมันเสียมารยาท)จึงถามกลับไปว่าบาบอ จะเอาอะไรกันแน่ เขาจึงพูดขึ้นมาว่าคุณพูดจาแรง กับคนอื่น ผมจึงถามต่อไปว่า ผมพูดแรง ต่อคนอื่นหรือผมพูดขัดใจคนอื่นที่ทำผิด เขายังตอบกลับมาว่าวันหลัง ให้พูดจาดีๆกับคนอื่น ผมจึงถามต่อไปว่าที่บอกว่าพูดจาไม่ดีนั้นตรงจุดใดครับ เพราะเท่าที่เรียบเรียงผมพูดจาดีตลอดเพียงแต่ไปขัดประโยชน์ของคนอื่น ที่กำลังกินก็เท่านั้นเอง และผมจำเป็นจะต้องรักษาความเป็นระเบียบในห้องละหมาดนี้ ไม่ให้เป็นห้องอาหาร เพราะกว่าจะได้มา การต่อสู้ของพวกเรานั้นยากลำบากเหลือเกิน ตอนที่พวกเราต่อสู้ให้ได้มาห้องละหมาดนี้ท่านเองไปอยู่ที่ไหนมาล่ะครับ จึงได้เกิดวิวาทะกันไปมายังมีอารมณ์เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย
นี่ไงล่ะครับที่ผมบอกว่าผมเข้าใจคนทำงานเพื่อสังคม ในขณะที่เราพยายามรักษากฎเกณฑ์กติกาที่ถูกต้องเพียงแต่ไปขัดประโยชน์ของผู้อื่น ที่กระทำผิดเพียงเพื่อความเห็นแก่ได้ ของตัวเอง ทั้งทั้งที่รู้ว่า ผิดสถานที่ ที่สุดเองนั้นทำผิดก็ตาม จึงโดนด่าโดนว่า ยังเสียๆหายๆ ผมจึงใช้คำพูดว่า บั่นทอนใจ ไงล่ะครับ เพราะตลอดเวลา 20 กว่าปีผมทำอยู่จุดนี้ เกิดความเป็นระเบียบตลอดมา แต่หลังจากผมออกจากตรงจุด มาจนถึงวันนี้เข้าเป็นปีที่ 4 แล้ว ทุกคนบ่นเสียดาย พากันคิดถึงผมชื่นชม ทำให้ผมนึกถึงตัวเองเสมือนหนึ่ง “บัวลอย ในเพลงของวงคาราบาว อย่างไรก็อย่างนั้นเลยทีเดียวครับ

Cr.Aruwah Yama