เผย คดีทุจริต 3 คดี “ทักษิณ ชินวัตร” จะได้รับโทษสูงสุด แค่ 5 ปี เหตุ ศาลไม่ได้สั่งนับโทษต่อ โดยจะต้องถูกนำตัวไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และส่งตัวเข้าเรือนจำทันที
วันที่ 19 ส.ค.2566 แหล่งข่าวจากศาลยุติธรรม ให้ความเห็นกรณีการนับโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวจะเดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 22 ส.ค.66 ว่าเมื่อเข้าประเทศมาจะต้องถูกควบคุมตัวตามขั้นตอนเพื่อนำตัวผู้ต้องคำพิพากษาจำคุกถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปยังศาลนั้น เมื่อนำตัวส่งศาลแล้วศาลจะสอบถามว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลในคดีนี้ใช่หรือไม่ ถ้านายทักษิณยอมรับว่าใช่ ศาลจะอ่านสรุปคำพิพากษาโดยย่อให้ฟังว่า คดีหวยบนดิน ศาลจำคุกกี่ปี คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ โดนโทษจำคุกกี่ปี คดีแก้สัมปทานเอื้อชินคอร์ป โดนโทษจำคุกกี่ปี แล้วออกหมายขัง ส่งตัวเข้าไปรับโทษในเรือนจำตามคำพิพากษาในส่วนการนับโทษของนายทักษิณ ต้องไปดูคำพิพากษาแต่ละคดีว่า ศาลสั่งให้นับโทษ “ต่อจากคดีเก่า” หรือไม่ ถ้าไม่สั่งให้นับโทษต่อ ก็จะนับโทษทับกัน เช่น คดีหวยบนดิน โทษจำคุก 2 ปี ไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อกับคดีอื่น คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ โทษจำคุก 3 ปี และคดีแก้สัมปทานเอื้อชินคอร์ป โทษจำคุก 5 ปี เท่ากับว่า นายทักษิณ จะถูกจำคุกสูงสุดแค่ 5 ปี เพราะคำพิพากษาของศาลไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อจากคดีอื่น แต่ถ้าสั่งนับโทษต่อ ก็จะถูกจำคุก 7 ปี หรือ 8 ปีแล้วแต่ว่าจะนับโทษต่อจากคดีไหน ถ้านับโทษต่อทุกคดีที่กล่าวมานี้คือ 10 ปี
ส่วนการลดโทษ-การขอพระราชทานอภัยโทษ จะได้ลดเป็นรายคดี ดังนั้นถ้านายทักษิณได้ลดโทษในคดีเอื้อชินคอร์ป ก็จะได้ออกจากคุกเร็วที่สุด เพราะถูกจำคุกหนักสุดคือ 5 ปี สรุปคือเท่าที่ปรากฏขณะนี้จากคำพิพากษาทั้ง3คดีที่ปรากฏไม่ได้ให้นับโทษต่อนายทักษิณจะโดนโทษจำคุกแค่ 5 ปี ไม่ใช่10ปี
ขณะที่การอ่านคำพิพากษา หลังตำรวจนำตัวส่งศาล ศาลจะไม่อ่านซ้ำทั้งหมด แต่จะแค่อ่านย่อทวน เพราะองค์คณะผู้พิพากษา อ่านคำพิพากษาลับหลังคดีเหล่านี้โดยชอบตามพรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่แก้ไขใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว