พท.ลั่น!แจกเงินดิจิทัล1หมื่น ช่วยกระตุ้นศก.โต้ผู้ว่าฯธปท.ไม่ใช่นโยบายประชานิยม

รองเลขาธิการพรรค เพื่อไทย ยืนยันนโยบาย แจก1หมื่นฟื้นเศรษฐกิจ ชี้ช่วยหมุนเงินทั่วประเทศ โต้ผู้ว่าธปท.ไม่ใช่ประชานิยม ตั้งรบ.ช้าเสียโอกาสประเทศประเมินค่าไม่ได้

วันที่ 10 สิงหาคม 2566 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะกรรมการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นในงานสัมนาของ ธปท.เป็นห่วงนโยบายประชานิยมแจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท ว่า ตนมีความเห็นอยากแลกเปลี่ยน 5 ประเด็น คือ 1.เข้าใจความกังวลของผู้ว่าแบงก์ชาติเรื่องประชานิยม ซึ่งหากรัฐบาลใหม่หมายถึงรัฐบาล พท. นโยบายนี้ก็คงจะหมายถึงดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งไม่ใช่ประชานิยม แต่คือการชุบชีวิตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ กระจายอยู่ทั่วทุกชุมชนทั่วประเทศ และเป็นความจำเป็น ไม่ใช่ทางเลือก ในจังหวะที่ประเทศบอบช้ำ และการสร้างกำลังซื้อตามธรรมชาติไม่ทันการ

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนของ ดิจิทัล วอลเล็ต สร้างเงินหมุนได้รวดเร็ว ตรงเป้า เขียนเงื่อนไขและระยะเวลาได้ จะเกิดเงินหมุนที่พลังสูงกว่าและเป็นตัวจุดกำลังซื้อรวดเร็วแม่นยำกว่าแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังสร้างโครงสร้างพื้นฐานการเงินรองรับโลกยุคใหม่ พลิกโฉมประเทศ การลงทุนที่จะตามมานั้นมีผลตอบแทนมากกว่าเงินที่ลงทุนไป และทุกนโยบายของพรรค พท.ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความมั่นคงทางการคลังทุกบาทที่ใช้ต้องมีผลตอบแทนสูง และย้อนกลับมาเป็นความมั่นคงทางการคลังในระยะยาว

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า 2.ตนเห็นตรงกันว่าหนี้ครัวเรือนคือปัญหาใหญ่ แต่เห็นต่างกันที่ต้นตอของหนี้ครัวเรือน ธปท. มองว่าเกิดจากดอกเบี้ยต่ำ คนจึงก่อหนี้เยอะ แต่ข้อเท็จจริงนั้นเกิดจากประชาชนและภาคเอกชนรายได้ทรุดลงอย่างกะทันหัน จำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อการดำรงชีวิต และความอยู่รอดของธุรกิจ พรรคพท.จึงมีนโยบายเข้าแก้ไขปัญหาใน 2 ขั้นตอนทันที 1.แก้หนี้ทันทีทั้งมาตรการพักหนี้เกษตรกร และหนี้เอสเอ็มอีที่เดือดร้อนจากโควิด และ 2.สร้างงานสร้างรายได้ทันที เริ่มจากดิจิทัล วอลเล็ตตามด้วยการดึงรายได้ใหม่เข้าประเทศจากการดูดการลงทุนใหม่ เปิดประเทศด้วยนโยบายต่างประเทศเชิงรุกทันทีเป็นต้น

3.ตนเห็นแย้งกับ ธปท. ที่ไม่กังวลกับการตั้งรัฐบาลช้า แต่การขาดงบลงทุนใหม่หลายแสนล้านบาทไปครึ่งปีนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจ เสมือนรถใส่เกียร์ว่าง ไร้คันเร่ง ที่กำลังถูกแซงไปครึ่งปี สำคัญกว่านั้นคือส่วนที่ไม่ใช่งบประมาณ ค่าเสียโอกาสของประเทศจากการชะลอการลงทุน การสูญเสียความเชื่อมั่น การย้ายฐานการผลิต ความสูญเสียในตลาดทุน และการขาดทิศทางของประเทศ เหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้ คือสุญญากาศทางเศรษฐกิจ 4.เสถียรภาพกับศักยภาพ ของสถาบันการเงิน ตรงนี้เห็นต่างที่ผ่านมาไทยติดกับดักคำว่าเสถียรภาพ สร้างธนาคารเป็นสถาบันที่แข็งแกร่ง แต่กลับไม่ถูกใช้เป็นกลไกผลักดันทางเศรษฐกิจไปสู่รากหญ้าและเอสเอ็มอีเพราะกลัวความเสี่ยงและกันคนเสี่ยงออกนอกระบบ จนการสร้างศักยภาพจากฐานของประเทศยังทำได้ไม่ดีพอ

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า 5.พรรค พท.หากจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ จะเดินหน้าพลิกโฉมประเทศสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ โดยวิธีคิดแบบใหม่ สร้างรายได้แบบใหม่ ทัศนคติใหม่ แนวทางการบริหารแบบใหม่ สู่การพลิกโฉม เศรษฐกิจไทย และสร้างการทำงานประสานระหว่างนโยบายทางการคลังกับนโยบายทางการเงินอย่างไร้รอยต่อ