“ปชป.-ชทพ.” รอ พท. ส่ง “เทียบเชิญ” ร่วม รัฐบาล “ประสานเสียง” พร้อม เจรจา

“จุรินทร์” เผย พท. ยังไม่ประสาน ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ย้ำทางเดิน ปชป. ต้องเป็นมติพรรค “วราวุธ” รอ ส่งเทียบเชิญมา พร้อมไปเจรจา ย้ำนโยบาย ชทพ. ไม่แตะม.112 เห็นตรงกันมีสสร.แก้รธน.

วันที่ 8 ส.ค.2566 เวลา 09.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ยืนยันว่า ขณะนี้ยังตนเองยังไม่ได้รับประสานงานมาจากพรรคเพื่อไทยในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ส่วนทิศทางจะร่วมหรือไม่ร่วม ในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น ในเรื่องนี้มีความเห็นเป็นสองทางเสมอ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้ความเห็น ในทิศทางที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด สำหรับพรรคและสำหรับประเทศแต่สุดท้าย ก็ต้องยุติที่มติพรรค

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าอาจจะมี สส.ของพรรคบางส่วนไปร่วมงานกับเพื่อไทย นายจุรินทร์ กล่าวว่า สุดท้ายก็ต้องเป็นมติพรรค ถ้าต้องตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งทุกเรื่องต้องยุติที่มติพรรคและพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด เนื่องจาก ต้องอาศัยมติพรรคเป็นหลัก

ส่วนการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ นั้นจะเป็นไปตามข้อบังคับพรรค เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุมร่วม สส. อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้กำหนดวันในการประชุมครั้งใหม่ ซึ่งต้องหารือกับเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ในการที่จะนัดประชุม และ ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่จะนัดประชุม และคงไม่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องภายในพรรค ซึ่งสามารถที่จะพูดคุยกัน ว่าเวลาที่เหมาะสมจะเป็นเมื่อไหร่ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการเชิญร่วมรัฐบาลขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยู่ที่พรรคชาติไทยพัฒนาเพียงพรรคเดียว ซึ่งที่ผ่านมามีการพูดคุยกันในระดับหนึ่ง และก่อนที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป จะมีการพูดคุยกันอีก ส่วนในรายละเอียดว่าจะมีการพบปะพูดคุยกันเมื่อไหร่นั้น รอให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ส่งเทียบเชิญมา รอสัญญาณจากพรรคเพื่อไทยว่าจะนัดหมายอย่างไร ซึ่งถ้ามีการส่งสัญญาณมา พรรคชาติไทยพัฒนาก็พร้อมที่จะไปคุย

ต่อข้อถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนามีเงื่อนไขอย่างไร รวมถึงต้องการกำกับดูแลกระทรวงใด นายวราวุธกล่าวว่า สิ่งที่เคยพูดคุยกันไว้เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ พรรคเพื่อไทยนั้น เรายังยึดตามนั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่แตะต้องมาตรา 112 เรื่องทัศนคติในการทำงานจะต้องมีพรรคที่ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน นโยบายเดียวกัน ทัศนคติต่อในหลายเรื่อง เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องไปในทิศทางเดียวกัน หากตรงกันก็จะต้องมาพูดคุยว่าจะไปในทิศทางใดเมื่อถามว่า การแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย พูดชัดแล้วว่าไม่แตะต้องมาตรา 112 นายวราวุธ กล่าวว่า นั่นเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาต้องการกระทรวงใด หรือ ต้องการจะไปสานต่อแนวทางที่เคยทำไว้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้มา 10 เสียง เราจะใช้เหตุผลและหลักการพูดคุยกัน คุยกันด้วยเหตุผล เราคงไม่ไปเรียกร้อง เพราะต้องการให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง เพราะจากนี้ไป ทั้งเรื่องสภาพเศรษฐกิจและในอีกหลายมิติของประเทศไทยต้องการการฟื้นฟู ดังนั้น การทำงานของรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งเป็นหัวใจสำคัญ ส่วนเรื่องการต่อรองกระทรวงค่อยไปว่ากันทีหลัง

เมื่อถามว่า โควต้าที่พรรคชาติไทยพัฒนาควรจะได้ คือ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง และ 1 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าเบ็ดเสร็จแล้ว จำนวน สส.ซีกรัฐบาลมีจำนวนเท่าไหร่ และคิดออกมาเป็นสัดส่วนแล้วเป็นเท่าไหร่ ดังนั้น จึงจะตอบตอนนี้ไม่ได้

เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนาติดใจในเงื่อนไขเรื่องคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ประเด็นนี้คงต้องให้เกียรติทางพรรคเพื่อไทยในการที่จะเสนอบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี เพราะการที่แต่ละพรรคจะเสนอชื่อขึ้นมาคงได้พิจารณาคุณสมบัติมาเพียบพร้อมแล้ว ดังนั้น ต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทยในการเสนอ พรรคชาติไทยพัฒนาให้เกียรติพรรคใหญ่