สื่ออาวุโส ชี้เปรี้ยง! บทสรุป ก้าวไกล ทำไม จึงต้องถูก ชิงชัง รังเกียจ

การตั้งข้อสังเกตของ “สื่ออาวุโส” ต่อสถานะและการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลผ่านรายการ “ตอบโจทย์”

“แหลมคม” และน่าพรั่นพรึงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมาจาก นายสุทธิชัย หยุ่น ไม่ว่าจะมาจาก นายสุภาพ คลี่ขจาย ล้วนกลายเป็น “คำถาม” ล้วนก่อให้เกิด “ประเด็น” สะท้อนถึง “ความหวาดกลัว” ที่ดำรงอยู่ เป็นความหวาดกลัวที่ไม่อยากเห็นพรรคก้าวไกลดำรงอยู่ในสถานะแห่ง “รัฐบาล” แม้ว่าจะได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 1

บนฐานแห่ง 14.3 ล้านเสียงบนฐานแห่ง 151 ส.ส. ยิ่งกว่านั้น แม้เมื่อพรรคก้าวไกลจะถูกเบียดขับ รุกไล่ให้ต้องกลายเป็น “ฝ่ายค้าน” ก็ยังบังเกิดความขนพองสยองเกล้า ทั้ง “หวาดกลัว” ทั้ง “ชิงชัง” ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าความชิงชัง ไม่ว่าความหวาดกลัวที่มีต่อพรรคก้าวไกลดำเนินไปอย่างขัดแย้งอย่างแหลมคม นั่นมาจาก “รากฐาน” แห่ง “ความสำเร็จ” ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าในยุคพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าในยุคพรรคก้าวไกล ล้วนเริ่มต้นอย่างชนิดที่เรียกว่าอ่อนหัด ไร้เดียงสา

ดำรงอยู่ท่ามกลาง “น้ำเสียง” หมิ่นแคลน “สบประมาท” แต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็สร้างความตื่นตะลึง ยิ่งการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566ยิ่งกลายเป็นสะพรึงพรั่น เพราะพรรคอนาคตใหม่ได้มา 6.3 ล้าน พร้อมกับ 80 ส.ส. จึงจำเป็นต้องเล่นงาน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าสภา จึงจำเป็นต้องยุบพรรคอนาคตใหม่ตัดสิทธิทางการเมือง

ผลพรรคก้าวไกลกลับได้ 14.3 ล้าน พร้อมกับ 151 ส.ส. เมื่อประเมินว่าที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ก็จากบทบาทที่เป็น “ฝ่ายค้าน” จึงต้องดำเนิน “มาตรการ” เข้ม 1 มาตรการเดียวกับที่เล่นงาน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

1 มาตรการเดียวกับที่จัดการพรรคอนาคตใหม่ นั่นก็คือ ตัดหนทางทั้งในการเป็น “รัฐบาล” และในการเป็น “ฝ่ายค้าน” เกรงว่า 300 นโยบายจะแผลงฤทธิ์

เกรงว่าแม้การจัดการต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะทำให้หมดสิทธิที่จะเข้าชิงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” หากตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้าน” ก็หลุดจาก “ก้าวไกล” มาตรการ “เข้ม” เหล่านี้สร้างความตื่นตะลึงเป็นอย่างสูงอยู่แล้วแต่หากฟังจาก “สื่ออาวุโส” ระดับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ยิ่งต้องร้องโอ้โฮ! เพราะเสนอให้ใช้วิธี “รัฐประหาร” เข้าจัดการ

ไม่ว่าจะมองบทสรุปของ นายสุทธิชัย หยุ่น , นายสุภาพ คลี่ขจาย ไม่ว่าจะมองบทสรุปของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล มองเห็นความวิตก มองเห็นความห่วงใย ความสำเร็จอย่างรวดเร็วของพรรคก้าวไกลนั้นเองทำให้พรรคก้าวไกลถูกมองด้วยความหวาดระแวง และบังเกิดความกลัว

ทั้งๆ ที่เป็น “ชัยชนะ” บนฐานแห่งการสบประมาท “หมิ่นแคลน”