‘สว.ประภาศรี’ ย้ำพร้อมโหวตให้เสียงข้างมาก แนะ ก้าวไกล ต้องถอนแก้ม.112

‘ประภาศรี สุฉันทบุตร’ ย้ำไม่ต้องรีบโหวตนายกฯ รอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อความปลอดภัย แนะ ‘ก้าวไกล’ รีบประกาศไม่แตะ112 หากทำยังมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล

วันที่ 27 ก.ค.2566 นางประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หนึ่งในสิบสามสมาชิกวุฒิสภาที่ลงมติสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจุดยืนการโหวตนายกฯ ในการประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติโหวตนายกฯ รอบสาม ว่าเมื่อพรรคที่ได้เสียง ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งผ่านไปแล้ว ขณะนี้พรรคที่ได้เสียง ส.ส.มาเป็นอันดับสอง (พรรคเพื่อไทย) กำลังรวบรวมเสียงข้างมากในสภาอยู่ ซึ่งหากรวมเสียงได้ ก็จะลงมติโหวตเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่พรรคเสนอให้เป็นนายกฯ โดยหากเพื่อไทยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ก็พร้อมลงมติให้ จุดยืนไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการลงมติตามหลักการตามระบอบประชาธิปไตย

“การลงมติโหวตนายกฯ รัฐสภาควรจะนัดลงมติหลังมีความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญในคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและความปลอดภัยในการลงมติ ไม่ต้องรีบ”

เมื่อถามถึงกรณีมีการออกมาระบุจากสมาชิกรัฐสภาว่า หากการตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย ถ้ายังมีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วยก็จะไม่โหวตให้เพื่อไทย เพราะยังติดใจเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ของก้าวไกลนั้น นางประภาศรี กล่าวว่า ขณะนี้เหมือนพรรคก้าวไกลจะพยายามบอกว่า การตั้งรัฐบาลต้องทำตามเอ็มโอยูมัดรวมกันแล้วก็ต้องไปตามนั้น ซึ่งคิดว่าพรรคก้าวไกล ควรประกาศออกมาเลยว่าจะเอาเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ออกไป ไม่ทำ เพราะประชาชนยังไม่เข้าใจว่าจะแก้ไขไปเพื่ออะไร พรรคก้าวไกลก็ควรประกาศไม่ทำเรื่องมาตรา 112

เพื่อจะได้ไม่เป็นที่รังเกียจของพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะแปดพรรคที่ร่วมกันตั้งรัฐบาลตอนนี้ มีคะแนนที่ประชาชนเลือกตั้งมารวม 25ล้านเสียง ก็ควรมีโอกาสได้ตั้งรัฐบาลก่อนพรรคอื่นๆ แล้วไปหาเสียง ส.ส.จากพรรคอื่นๆ มาเติม ก็อยากแนะนำพรรคก้าวไกลว่า จะต้องลดเรื่อง 112 ลง ด้วยการประกาศไปเลยว่าจะถอยเรื่องมาตรา 112 เพราะก็อยากให้เขาได้เป็นรัฐบาล เพราะเท่าที่เห็นคนไม่ได้ไปมองนโยบายอื่นๆ ที่เป็นนโยบายที่ดีๆ ของก้าวไกล ไปมองแต่เรื่องมาตรา 112 อย่างเดียว จนเป็นการไปลดเครดิตพรรค

“การแก้ไขมาตรา 112 ไม่มีทางทำได้แน่นอน แค่ยื่นร่างแก้ไขมาที่สภา ทางประธานสภาก็อาจไม่รับไว้ ยิ่งหากจะให้เอาร่างมาอภิปรายมาโหวตกัน ซึ่งทุกคนรักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขฯ ที่ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ เราจึงไม่กลัวเกินเหตุ เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางเข้ามาที่รัฐสภาได้ แม้แต่จะเอามาอภิปรายในสภาก็ไม่ควรนำมาอภิปรายเลยด้วยซ้ำ”สว.ประภาศรีกล่าว